โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) มาริณี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 20 มาริณี
แม้ว่าโอมจะรู้สึกดีอกดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอบุคคลที่ต้องการพบเจออย่างหญิงสาวปริศนารายนี้ แต่ทว่าสมองเบื้องลึกก็สั่งการให้เขาอย่าเพิ่งผลีผลามเนื่องด้วยหญิงสาวที่เห็นอยู่ตรงหน้าอาจไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตนแบบเขาก็เป็นได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจนั่งนิ่งเพื่อสำรวจตรวจตราสถานการณ์เบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อน
เด็กหนุ่มแอบชำเลืองมองแบบเนียนๆเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาวปริศนาอยู่หลายอึดใจ ถึงแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะค่อนข้างเชื่องช้าและดูมีท่าทีเศร้าสร้อย แต่เธอก็ดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วๆไป ไม่น่าที่จะเป็นสิ่งที่ไร้ตัวตนดังเช่นที่เขานึกระแวงแต่อย่างใด กระนั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย
“ เอาก็เอา ลองดูซักตั้ง ใช่ว่าเราไม่เคยเจอผีซะเมื่อไหร่นี่ ” โอมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เมื่อเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เขาก็ก้าวเข้าไปยังโต๊ะที่หญิงสาวปริศนานั่งอยู่อย่างรวดเร็วแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามของหญิงสาวผู้นั้นทันที ส่งผลให้หญิงสาวผู้นั้นหยุดชะงักกิจกรรมการป้อนอาหารเข้าปากอย่างฉับพลัน ใบหน้าละอ่อนตามวัยใสเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มโอม สายตากลมโตส่งคำถามออกมาในเชิงที่ว่า…….
“ คุณคือใครและจะทำอะไร ”
ในใจหนุ่มโอมรู้สึกหวั่นๆแต่เขาก็ยังพยายามระงับอารมณ์แล้วยิ้มให้หญิงสาวหน้าละอ่อนที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงใจ แต่ทว่ารอยยิ้มของเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทำให้ความหวาดระแวงของหญิงสาวปริศนาคลายตัวลงเลย เธอยังคงนั่งตัวเกร็งแล้วจ้องหน้าของเด็กหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดกลัวอย่างชัดเจน เวลาผ่านไปครู่หนึ่งหญิงสาวก็เป็นฝ่ายเปิดปากถามก่อน
“ มีธุระอะไรกับชั้นหรือเปล่าคะ ”
เมื่อหนุ่มโอมได้ยินคำถามนี้ เขาก็โล่งอกไปเปราะใหญ่เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาไม่เคยเจอปฏิกิริยาแบบนี้จากบรรดาสสารลึกลับในยามที่เขารุกคืบเข้าไปแบบนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเปิดยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะเอ่ยปากตอบคู่สนทนาเบื้องหน้าอย่างใจเย็น
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากจะรู้จักกับคุณ ผมชื่อโอม ยินดีที่ได้รู้จักครับ ”
หญิงสาวไม่ตอบในทันที เธอเหลือบตามองเด็กหนุ่มนักศึกษามาดเซอร์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะค่อยๆตอบกลับอย่างระแวดระวังว่า…..
“ ชั้นชื่อ…มาราณี เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ”
ทั้งสองนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แต่ดวงตากลมโตที่ดูมาดมั่นและจริงใจของเด็กหนุ่มก็ยังคงประสานกับดวงตาหวานๆของหญิงสาวโครงหน้าละอ่อนอยู่ตลอดเวลา อึดใจต่อมาก็เป็นฝ่ายเด็กหนุ่มที่ขยับกายด้วยการโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยก่อนยิงคำถามส่งมาให้หญิงสาวแบบตรงไปตรงมา
“ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกันครับ เราเคยเจอกันแล้วตรงลานจอดรถที่ชั้นใต้ดินเมื่อเช้านี้ไงครับ ”
หญิงสาวเกิดอาการรวนเรและสับสนอยู่ขณะหนึ่ง สุดท้ายเธอก็เริ่มตั้งหลักและเริ่มจดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงนี้ได้ เธอจึงร้องทักกลับมาด้วยเสียงเล็กๆที่สดใส
“ อ้อๆ คุณนั่นเอง ชั้นจำคุณได้แล้ว ”
“ ฮะๆ นั่นแหละครับ ผมเองที่เป็นคนบังเอิญเดินไปเจอคุณ และก็ผมเองแหละที่พยายามเข้าไปถามคุณว่า อะ…….เอ่อ….คุณเป็นอะไรมั้ย ” หนุ่มโอมเกาหัวน้อยๆพลางพูดไปหัวเราะไปด้วยท่าทางซื่อๆ
หญิงสาวหน้าอ่อนดูตื่นๆ เพราะอยู่ๆก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าที่ดูประหลาดมาทักทายเธอแบบนี้ มิหนำซ้ำยังทำทีเหมือนจะมาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเธออีก มันทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณ ดังนั้นเธอจึงเว้นระยะห่างด้วยการนิ่งเงียบเพื่อดูท่าทีของคู่สนทนาไปก่อน
โอมรับรู้ถึงท่าทางไม่เป็นมิตรของหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ในหัวสมองที่ฉับไวของเด็กหนุ่มบวกลบคูณหารกันภายในอย่างรวดเร็วจนได้ข้อสรุปว่า……งานนี้คงต้องชนไปตรงๆเลยเพื่อให้รู้ว่าการร่ำไห้ที่ชวนน่าสงสารของหญิงสาวนั้นจะเกี่ยวกับเรื่องที่เขากำลังพยายามค้นหาความจริงหรือไม่
“ ผมได้รับฟังจากพี่จิตหราแล้ว การตายของพี่หมวยนั้นน่าอนาถมากครับ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ ” โอมเท้าคางพลางเปิดไพ่ในมือของตนเองออกมาด้วยการพูดไปถึงหัวข้อหลักในการประชุมของพนักงานบริษัทเมื่อเช้าที่ผ่านมา
ทันทีที่หญิงสาวได้รับฟังในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด เธอก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบด้วยการสั่นสะท้านทางกายเล็กน้อยคล้ายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของเธออย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจรอดพ้นหูพ้นตาของเด็กหนุ่มมาดเซอร์ผู้คมในฝักไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เด็กหนุ่มจึงเริ่มคิดได้ว่าเขาน่าจะมาถูกทางแล้ว อึดใจต่อมาเขาก็เริ่มรุกไล่ต่อทันที
“ ผมว่าพี่หมวยน่าจะมีปัญหาชีวิตบางอย่างที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ผมสงสารพี่หมวยเพื่อนสาวของคุณจริงๆครับ ” หนุ่มโอมพูดพลางแสร้งทำเศร้าเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเพิ่มน้ำหนักความสั่นเครือขึ้นมานิดหนึ่งเพื่อให้สมบทบาทที่เขากำลังแสดงอยู่
ทันทีที่หญิงสาวหน้าละอ่อนได้รับฟังคำพูดของเด็กหนุ่มมาดเซอร์ เธอก็ถึงกลับสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ สาเหตุเพราะเด็กหนุ่มประหลาดที่อยู่ตรงหน้าสามารถรู้ได้ว่าสาวนามว่า หมวย ที่กล่าวถึงเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ คำถามที่ตามมาก็คือ…….เด็กหนุ่มผู้นี้รู้ได้ยังไง
อาการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยของหญิงสาวไม่อาจรอดหูรอดตาอันแหลมคมราวเหยี่ยวของหนุ่มโอมไปได้ และเมื่อเด็กหนุ่มเห็นดังนั้น ในสมองของเขาจึงขบคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่า…..
“ เป็นไปตามที่คาดเลย การซ้อมค้างเป็นผลจริงๆ ”
เมื่อสถานการณ์เป็นต่อแบบนี้ หนุ่มโอมจึงอาศัยช่วงจังหวะได้เปรียบรุกคืบต่อเพื่อสืบหาข้อมูลที่เขาต้องการด้วยวิธีการลักไก่เพื่อหยั่งเชิงแบบเนียนๆว่า
“ จริงๆแล้ว ผมเองก็รู้จักกับพี่หมวยพอสมควรเหมือนกัน เรารู้จักกันในฐานะญาติห่างๆ พี่หมวยเคยเล่าเรื่องแย่ๆที่เกิดกับตัวเองให้ผมรับทราบบ้าง แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้พี่หมวยต้องทำถึงขนาดนี้ ” โอมพูดจบก็ทำหน้าเศร้าสลดราวกับโลกทั้งโลกกำลังแตกสลายลงไปต่อหน้า
ไม่ทราบว่าหนุ่มโอมเล่นละครดีเกินไปหรือสาวหน้าอ่อนนามว่า มาริณี จะอ่อนต่อโลก เธอจึงมีท่าทีคลายใจลงเหมือนจะเริ่มเชื่อโดยสนิทใจว่า หนุ่มประหลาดที่อยู่ตรงหน้าน่าจะเป็นญาติห่างๆกับ หมวย เพื่อนสาวของเธอจริงๆ หญิงสาวค่อยๆเอื้อมมือบอบบางของเธอไปจับแขนเล็กๆของเด็กหนุ่มกุมแน่นในเชิงปลอบใจ
โอมสะดุ้งนิดๆเมื่อได้รับรู้ถึงสัมผัสจากมือบางร้อนผ่าวที่ต้นแขนของเขา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบกับแววตาอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความเมตตาสงสารจากหญิงสาวหน้าละอ่อน ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยปากปลอบโยนเด็กหนุ่มด้วยเสียงเล็กที่สดใส
“ อย่าคิดมากเลยค่ะ หมวย เขาไปดีแล้ว ”
สีหน้าของโอมดูเศร้าสลดลง ดวงตากลมโตดูโศกและเริ่มมีน้ำใสๆที่ขอบตาเล็กน้อย เด็กหนุ่มเอ่ยปากตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือน้อยๆ
“ ไม่เป็นไรครับ ผมแค่รู้สึกสงสารพี่หมวยในยามที่พี่เขามีชีวิตเท่านั้น ปัญหาที่พี่เขาเจอมันหนักมาก ”
มาริณีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย บอกได้ว่าเธอก็เศร้าสลดกับชะตากรรมของเพื่อนสาวอย่างมากมาย หญิงสาวผงกหน้ารับคำก่อนที่จะพูดกับเด็กหนุ่มด้วยท่าทีเป็นกันเองราวกับรู้จักกันมานาน
“ ใช่แล้ว สิ่งที่หมวยเจอมันหนักมาก หมวยไม่น่าเจอแบบนี้เลย ”
“ เอ๊ะ พี่หมวยเล่าเรื่องของตัวเองให้คุณมาริณีฟังด้วยหรือครับ ” โอมสะดุ้งเล็กๆก่อนที่จะละล่ำละลักร้องถามหญิงสาว
“ เออ….ใช่จ้ะ หมวยเขาก็เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังเช่นกัน ” สาวหน้าละอ่อนพยักหน้ารับ ในยามนี้เธอเกิดความรู้สึกไว้วางใจในตัวเด็กหนุ่มมากพอที่จะเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองเป็น….พี่
“ แต่พี่หมวยกำชับผมว่ามันเป็นความลับนี่ครับ นี่แสดงว่าพี่หมวยต้องสนิทกับพี่มากๆแน่เลย ” โอมทำหน้าตื่นๆได้สมจริงสมจังราวนักแสดงตุ๊กตาทอง
“ ใช่ เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมและเรื่องนี้หมวยเขาก็กำชับพี่มาเหมือนกันว่าอย่าบอกใคร เท่าที่รู้น่าจะมีเพียงพี่กับเธอเท่านั้นที่รู้ ” มาริณีตอบกลับในทันที สีหน้าแววตาของเธอดูลุกลี้ลุกลนคล้ายว่าความลับที่ดำมืดของหมวยจะเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรกล่าวถึง
โอมจ้องหน้ามาริณีนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเด็กหนุ่มดูสั่นไหวประดุจดังดวงไฟของเปลวเทียนยามต้องแรงลม ซึ่งให้ความรู้สึกถึงความหวาดระแวงที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเด็กหนุ่มทำให้มาริณีเกิดความสงสัยขึ้นมาจนเธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มตรงหน้าว่า
“ เธอเป็นอะไรไปหรือ โอม ท่าทางของเธอดูแปลกๆไปนะ ”
หนุ่มโอมมีท่าทีอึดอัดใจอยู่พอสมควร แต่สุดท้ายเขาก็ค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนเอื้อนเอ่ยเหตุผลออกมาแบบไม่เต็มเสียงนัก
“ เอ่อ……..อันที่จริง ผมก็เพิ่งรู้จักกับพี่ อ่าๆ ผมก็…..”
เด็กหนุ่มพูดค้างไว้อย่างนั้น ท่าทางของเขาดูกระวนกระวายและสับสนจนชวนให้หญิงสาวหน้าละอ่อนรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย และเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง มาริณีก็เริ่มคิดออกว่าทำไมโอมถึงมีท่าทีเช่นนี้ เธอจึงเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มเบาๆด้วยเสียงเล็กๆของเธอ
“ นี่เธอคงจะไม่ไว้วางใจในตัวพี่ คิดว่าพี่ไม่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับหมวยจริงๆซินะ ”
โอมหลบตามาริณีพลางพยักหน้าน้อยเพื่อตอบข้อสงสัยของมาริณี
“ ว่าแล้วไง โธ่เอ๊ย เธอไม่เคยไปที่ห้องพี่สาวของเธอรึไง ที่นั่นมีรูปของพี่ในอัลบั้มของพี่สาวเธออยู่ตั้งหลายรูปเลยนะ ถ้าเธอได้ดูก็น่าจะคุ้นหน้าพี่บ้างนะ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมบ่นรำพันเล็กน้อย
“ ฮะๆ จริงอยู่ครับว่าพี่อาจเป็นเพื่อนกับพี่หมวยจริงๆ แต่ทว่ามันก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดีว่าพี่จะสนิทกับพี่หมวยมากเพียงพอที่พี่สาวของผมจะบอกความลับดังกล่าวให้พี่ฟัง พี่อาจจะหลอกถามข้อมูลจากผมก็เป็นได้ ถึงยังไงผมก็ต้องการข้อพิสูจน์บางอย่างก่อนที่ผมจะสามารถเชื่อใจและคุยกับพี่ได้อย่างเปิดอก ” หนุ่มโอมร่ายยาวอย่างนิ่มนวล หางตาชำเลืองมองหญิงสาวแบบสงวนท่าที
“ นี่เธอไม่ไว้ใจพี่ถึงเพียงนี้เลยหรือ ” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียง คิ้วบางเรียวที่เขียนมาเป็นอย่างดีเริ่มขมวดนิ่วด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ พ่อกับแม่ของผมสอนไว้ว่า….อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง ครับ ” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูชื่อๆแต่ถ้ามองดีๆจะแฝงแววกวนนิดๆอยู่ภายใน
“ ฮึ่ม ดีล่ะ ถ้างั้นพี่จะเล่าความลับของหมวยให้เธอฟัง เธอจะได้เชื่อซักทีใจว่าพี่เป็นเพื่อนสนิทของหมวยเขาจริงๆ ” หญิงสาวออกอาการกระฟัดกระเฟียดและเอ่ยปากพูดกับโอมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรง
“ อ้อ ได้ครับ มาดูกันว่าจะตรงกับที่ผมรับรู้จากปากพี่หมวยมั้ย ” หนุ่มโอมตอบเรียบๆพลางทำหน้าซื่ออย่างแนบเนียน แต่ภายในใจของเขานึกกระหยิ่มยิ้มย่อง……….ปลาเริ่มกินเบ็ดแล้ว
หญิงสาวสบตาตรงๆกับหนุ่มโอมชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มถอนหายใจช้าๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ เรื่องที่พี่จะเล่าเป็นความลับที่หมวยปิดบังมาตลอด เท่าที่พี่รู้มีเพียงเธอกับพี่เท่านั้นที่รู้ ดังนั้น……”
มาริณีหยุดพูดนิดหนึ่งก่อนที่จะเหลียวมองไปรอบๆตัวอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าบริเวณนั้นไร้ผู้คน เธอก็หันกลับมาพูดกับโอมต่อด้วยน้ำเสียงที่บางเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ เราต้องระมัดระวังมากในเวลาที่เราจะเริ่มต้นเล่า ”
“ อืม ครับ ” จะด้วยภาวะที่ดูกดดันหรืออะไรไม่ทราบได้ แต่โอมก็ถึงกลับหลงลืมบทละครที่ตัวเองกำลังเล่นจนเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่และรับคำหญิงสาวด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้น
มาริณีนิ่งไปอีกอึดใจก่อนค่อยๆเล่าเรื่องราวความลับอันดำมืดของ…หมวย…เพื่อนสาวคนสนิทที่โดดตึกตายอย่างน่าอนาถเมื่อคืนที่ผ่าน
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ