โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) เผชิญหน้าความตาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 24 เผชิญหน้าความตาย
..........................
จิตหราเผลอหลับไปนานเท่าใดไม่ทราบได้ แต่เธอรู้สึกคล้ายกับว่ามีเสียงของใครบางคนกำลังเรียกชื่อของเธออยู่ เสียงนั้นแว่วมาจากที่ไหนซักแห่งหนึ่ง
“ จิตหรา จิตหรา จิตหรา ”
หญิงสาวพยายามเงี่ยหูฟังทั้งที่ยังนอนหลับตาอยู่ เธอรู้ได้ในทันทีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฟังแล้วค่อนข้างเยือกเย็นจนชวนขนลุก แรกเริ่มทีเดียวเธอไม่ทราบเลยว่ากระแสเสียงนั้นเป็นของใครแต่เมื่อตั้งใจฟังเสียงนั้นได้พักหนึ่ง เธอก็จดจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของ……
“ นี่มันเสียงของกุลสตรีนี่ ”
ทันทีที่หญิงสาวจดจำได้ว่าใครคือเจ้าของเสียงปริศนานี้ เธอก็ตกใจสุดขีดแต่ต่อมาเธอก็ยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัวเมื่อเธอพบว่าในตอนนี้……….เธอขยับตัวไม่ได้เลย
“ นี่เราเป็นอะไรไปนะ ขยับตัวไม่ได้แถมยังลืมตาไม่ขึ้นอีก ” หญิงสาวดิ้นไปมาด้วยความอึดอัด แต่ไม่ว่าเธอออกแรงมากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกายได้เลยคล้ายกับว่ากำลังมีเชือกเส้นโตกำลังพันธนาการร่างเพรียวงามของเธอไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนเปลือกตางามของเธอก็ดูหนักอึ้งจนเธอไม่สามารถขยับขึ้นลงได้ตามประสงค์ มันทำให้เหมือนตกอยู่ในโลกมืดเพียงลำพังอันชวนให้เกิดความหวาดผวาขึ้นในจิตใจ
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น กะ…..กลัวแล้ว มะ….ไม่ อย่า ใครก็ได้ช่วยด้วย ” หญิงสาวรำพึงรำพันในใจด้วยความร้อนรน ความตื่นกลัวพุ่งทะยานจนเธอแทบจะเตลิดจนควบคุมสติไม่อยู่ แต่ไม่ว่าเธอจะร่ำร้องมากเพียงใด มันก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ของเธอดีขึ้นเลย และในระหว่างที่เธอกำลังพยายามร้องขอความช่วยเหลืออยู่นั้นก็มีเสียงตวาดของหญิงสาวนางเดิมดังกึกก้องในโสตประสาทของเธอ
“ อ้อนวอนขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก นังจิตหรา ”
เสียงนั้นฟังดูเด็ดขาดและแฝงแววโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง กระแสเสียงนั้นทำเอาใจของจิตหราตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามที่จะรวบรวมกำลังใจเพื่อตอบคำของวิญญาณร้ายผู้โกรธเกรี้ยวด้วยกระแสเสียงอ้อนวอนขอร้องอย่างแผ่วเบา
“ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ เธออย่าทำอะไรพี่เลยนะ กุลสตรี ”
“ ถึงแกจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ชั้นก็ตาย ตายด้วยความคิดของแก ไม่ต้องพูดมากถึงอย่างไรแกก็ไม่รอดแน่ๆ ” วิญญาณร้ายยังคงความอาฆาตแค้นอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงของวิญญาณร้ายดูเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
สิ้นคำตอบโต้ระหว่างคนและวิญญาณร้าย จิตหราก็เหมือนว่าจะเห็นเงารางๆของอะไรซักหนึ่งในมโนจิตของเธอ เงานั้นเริ่มเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ปรากฏกายเป็นหญิงสาวร่างเล็กเพรียวนางหนึ่งที่มีทรงใบหน้าขาวผ่องและงดงามราวเทพอัปสร ผิดก็แต่ว่าใบหน้างามนั้นกลับปรากฏร่องรอยของความอาฆาตแค้นฉายอยู่อย่างท่วมท้นเลยทำให้ความสวยงามปานเทพธิดานั้นดูอับเฉาและหม่นหมองลง
“ กุลสตรี ” จิตหราร่ำเรียกนามของผู้ปรากฏกายในนิมิตของตนเอง
“ ใช่ ชั้นเอง ” ปีศาจสาวหน้างามตอบกลับเสียงขุ่น หลังสิ้นเสียงตอบนั้น ใบหน้างามราวนางฟ้านางสวรรค์ดวงนั้นก็ค่อยๆดำและหมองคล้ำลงเรื่อยๆพร้อมความสดชื่นและความเต่งตึงตามวัยสาวที่ค่อยๆหดหายไป ไม่นานใบหน้านั้นก็กลับกลายเป็นดำคล้ำและเหี่ยวแห้งราวมัมมี่ ดวงตางามได้รูปเริ่มปูดโปนเขม็งตึงขึ้นเรื่อยจนลูกตาข้างขวาทะลักหลุดจากเบ้า เลือดสดสีดำคล้ำเป็นลิ่มๆเริ่มทะลักออกจากรูหู รูจมูก เบ้าตา ลิ่มเลือดบางส่วนก็ทะลักออกจากปากเป็นก้อนใหญ่ ทุกสิ่งอย่างทำให้สภาพของปีศาจร้ายตนนี้ดูน่าสะพรึงกลัวและขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
แม้จิตหราจะรู้สึกหวาดกลัวมากเพียงใดแต่เธอไม่สามารถที่จะขยับกายได้แม้เพียงน้อยนิด เธอรู้สึกเหมือนน้ำตาหยดน้อยเริ่มหลั่งไหลออกมาจากเบ้าตาของตนเองทำให้รู้สึกอุ่นร้อนที่รอบดวงตา ปากของเธอสั่นไหวแต่ก็ยังปราศจากเสียงใดๆลอดออกมาจากริมฝีปากบางได้รูป
ในช่วงที่จิตหรากำลังนิ่งอึ้งอยู่กับภาพปีศาจเบื้องหน้า เธอเริ่มรู้สึกว่าร่างของปีศาจตนนั้นเริ่มขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่อยู่ห่างกันสิบก้าวก็เหลือเพียงแค่ห้าก้าว สี่ก้าว สามก้าวตามลำดับจนทั้งสองห่างกันแค่เพียงระยะเอื้อมคว้า ปีศาจร้ายตนนี้ก็ค่อยๆยกมืออันเหี่ยวแห้งและช้ำเลือดช้ำหนองยื่นมาที่คอเรียวระหงของจิตหรา ภาพนี้ทำให้หญิงสาวเกิดอาการจิตตกจนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งกาย
“ อย่า อย่า ชั้นยังไม่อยากตาย ไม่ๆ! ” หญิงสาวร้องเสียงหลงภายในใจพรางพยายามดิ้นรนขยับกายเพื่อหลบลี้หนีมรณะภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตนเองอย่างช้าๆ แต่เหมือนทุกสิ่งที่เธอกำลังทำมันจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเนื่องจากร่างกายเจ้ากรรมของเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อยนิด
มือเล็กและเหี่ยวแห้งของปีศาจร้ายกุมเข้ามาที่คอเรียวของหญิงสาว สัมผัสแรกที่หญิงสาวได้รับรู้คือความเย็นชืดและเหนียวเหนอะหนะราวสัมผัสของซากศพที่กำลังหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง และสิ่งต่อมาที่หญิงสาวรับรู้คือความแกร่งแข็งที่คล้ายคีมเหล็กจากมือเน่าๆข้างนั้น
“ อุกๆ! ” หญิงสาวรู้สึกอึดอัด ใบหน้างามเริ่มบิดเบี้ยวเหยเก ทุกอย่างมันเหมือนจริงมาก เธอรับรู้ได้ถึงสภาพการขาดอากาศหายใจและความมึนงงคล้ายกับว่าเธอกำลัง……..ถูกบีบคออยู่จริงๆ
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แกต้องตาย แกต้องตาย ” ปีศาจร้ายหัวเราะเสียงแหลมด้วยความสะใจที่ได้แก้แค้น เลือดสีแดงดำที่เข้มข้นเริ่มหลั่งทะลักออกจากรูทวารต่างๆของอสูรร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์ของมันยิ่งดูทุเรศทุรังผสมน่าหวาดผวามากยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
“ อั้กๆ! มะ….ไม่ อย่าทำพี่ ปล่อยพี่ไปเถอะ ” ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มขาดห้วง ในใจของเธอพยายามร่ำร้องเพื่อขอความเห็นใจแต่ก็ไม่มีทีท่าที่ปีศาจร้ายจะใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย มันยังคงบีบคอของหญิงสาวด้วยมือที่แกร่งราวคีมเหล็กของมันสลับกับหัวเราะใส่ด้วยความสะใจแบบไร้ปรานีต่อไป
“ อุ…..อุก จะ…….ไม่ไหวแล้ว ” จิตหราถูกบีบคอไปได้ซักพัก เธอก็เริ่มรู้สึกว่าสติของเธอกำลังจะรางเลือนไป ภาพปีศาจเบื้องหน้าเริ่มจางหายไปเรื่อยๆจนในที่สุดภาพทุกอย่างเบื้องหน้าก็ดับวูบไป เหลือไว้เพียงความดำมืดที่ไร้ซึ่งแสงสว่างโดยสิ้นเชิง
………………………
“ เอ๊ะ ” จิตหราผวาลุกเฮือกเสือกตัวขึ้นมาอย่างแรง ดวงตางามของเธอเหลือกมองไปรอบๆข้าง เธอจึงพบว่าขณะนี้เธอกำลังแช่กายอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่ดุจเดิม ทุกสิ่งในห้องน้ำหรูราคาแพงยังคงอยู่ในสภาพเดิมแบบไม่มีผิดเพี้ยน
“ แฮ่กๆ ” หญิงสาวหอบเหนื่อยจนตัวโยนคล้ายว่าเพิ่งผ่านการวิ่งระยะไกลแบบ 10×100 เมตรมาหมาดๆ เธอก้มลงสำรวจตัวเองเลยทำให้รู้ว่าใบหน้าและเรือนกายของเธอมีหยาดเหงื่อเม็ดโตหลายเม็ดประดับอยู่ ซึ่งเธอนึกแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมเธอถึงเป็นเช่นนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันดูสมจริงสมจังซะเหลือเกิน มันเหมือนซะจนเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ความฝัน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า……
“ เอ๊ะๆ! นี่เราลืม….. ” หญิงสาวเอื้อมมือคว้าที่คอเรียวของตนเองเพื่อควานหาของบางสิ่ง แต่เมื่อพบว่าที่ซอกคอขาวผ่องของเธอโล้นเกลี้ยงปราศจากสิ่งใด ใจของเธอก็แทบจะหายวูบจนหลุดไปจากกาย เธอเผลออุทานออกมาด้วยความตื่นกลัวว่า….….
“ เราไปทิ้งสร้อยคอตะกรุดเหล็กไว้ที่ไหนนะ ”
หญิงสาวยกนิ้วขึ้นกัดเล็บมือตนเองด้วยเครียดกังวลใจ ในหัวพยายามขบคิดว่าสร้อยคอตะกรุดเหล็กเส้นนั้นได้ขยับหลบไปซุกซ่อนอยู่ที่ใด ไม่นานเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนที่เธอเผลอหลับไปนั้น เธอได้ทำสิ่งนั้นหลุดมือจนตกไปที่ข้างอ่างอาบน้ำทางด้านขวามือ
“ นึกออกแล้ว ” หญิงสาวอุทานดังในใจด้วยความยินดีพลางขยับกายลุกขึ้นไปดูที่พื้นห้องน้ำข้างอ่างอาบน้ำทางด้านขวา สายตาคู่งามของเธอประสบพบสร้อยคอผ้าดิบเส้นหนึ่งที่มีตะกรุดเหล็กคล้องอยู่ตรงกลาง
“ เจอแล้ว ดีจังเลย ” หญิงสาวพูดกับตัวเองด้วยความยินดี เธอรีบเอื้อมมือเพื่อหยิบสายสร้อยเส้นนั้น แต่ก่อนที่มือเรียวงามของเธอจะสัมผัสสายสร้อยเส้นนั้นได้ แสงไฟในห้องน้ำก็ดับสนิทจนทุกอย่างดำมืดลงอย่างฉับพลัน
“ ว้าย! ” จิตหรากรีดร้องเสียงหลงอย่างเสียขวัญ แต่สำนึกสุดท้ายในใจของเธอสั่งว่า……รีบหาสายสร้อยเส้นนั้นให้เจอเร็วๆ
“ อยู่ไหนๆ! อยู่ที่ไหนนะ ” จิตหรากรีดร้องพร้อมควานหาสายสร้อยเส้นนั้นด้วยสองมืออย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามหามันมากแค่ไหน เธอก็ไม่พบมันแต่ประการใดซึ่งมันน่าประหลาดมากเพราะก่อนที่ไฟในห้องน้ำจะดับลง เธอเห็นด้วยสองตาแบบเต็มๆว่าสร้อยเส้นนั้นตกอยู่ตรงจุดที่เธอควานหาอย่างชัดเจน ดังนี้แล้วเมื่อเธอเอื้อมไปควานหาทั้งสองมือแบบนี้มันก็น่าที่จะแตะโดนสายสร้อยเส้นนี้บ้างไม่มากก็น้อย แต่นี่มือของเธอไม่ได้สัมผัสโดนสิ่งใดเลยราวกับว่าสายสร้อยเส้นนั้นได้อันตรธานหายไปในช่วงที่ไฟฟ้าในห้องน้ำดับลง
“ อะไรกันเนี่ย มันหายไปได้ยังไงนะ ” หญิงสาวโวยวายเสียงหลงด้วยความตื่นตกใจ ในช่วงที่เธอกำลังพยายามค้นหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงสิ่งเดียวของเธอ โสตประสาทหูของเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหลมๆของหญิงสาวนางหนึ่ง
“ ฮิ ฮิ ฮิ ”
หญิงสาวหยุดชะงักในทันที ใบหน้างามของเธอขมวดนิ่ว ดวงตาเหลือกลนด้วยความตื่นกลัวและสับสน ทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามาหาเธอในยามนี้ช่างหนักหนาเหลือเกิน หนักซะจนเธอคิดไม่ออกเลยว่าเธอควรจะทำอะไรต่อไปดี แต่สิ่งเลวร้ายทั้งหลายแหล่มันยังไม่จบสิ้นแต่เพียงเท่านั้น……..ทันใดนั้นเองบังเกิดเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวนางหนึ่งดังก้องขึ้นมาในความมืดมิดอันชวนขนหัวลุก
“ คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อหรือ จะบอกให้……ก็ไปตายไง ฮิ ฮิ ฮิ ”
“ กรี๊ดๆ! ” เมื่อสิ้นประโยคของเสียงปริศนา จิตหราก็เกิดอาการสติแตกขึ้นอย่างฉับพลัน เธอกรีดร้องเสียงดังด้วยอาการเสียขวัญพร้อมลุกขึ้นทะยานกายเพื่อหนีออกจากห้องน้ำที่แสนมืดมิดในทันที
……………………
“ แฮ่กๆ ” จิตหราหลบหนีออกมาจากห้องน้ำหรูที่แสนคับแคบได้สำเร็จ ในตอนนี้เธอได้มาหยุดยืนหอบเหนื่อยที่ห้องนอนซึ่งขณะนี้ก็ดูมืดมิดเช่นกันเนื่องจากไฟฟ้าดับแต่เพราะแสงจันทราที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางประตูกระจกตรงริมระเบียงเลยทำให้เธอสามารถมองเห็นสภาพภายในห้องได้แบบรางๆ
หญิงสาวยืนหอบเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงเริ่มตั้งสติได้พอสมควรจนคิดได้ว่าเธอควรจะทำอะไรต่อไป
“ หาเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปขอความช่วยเหลือที่ล็อบบี้ด้านล่าง ”
เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็เริ่มค้นหาเสื้อผ้าที่น่าจะพอใส่ได้ ในที่สุดเธอฉวยเสื้อคลุมอาบน้ำขาสั้นสีเทาได้ เธอเริ่มสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว เมื่อสวมใส่เสร็จเธอก็เริ่มฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
“ เอ๊ะ ตอนที่เราเข้ามาในห้อง เราจำได้ว่าเราปิดผ้าม่านตรงประตูกระจกแล้วนี่ แต่ตอนนี้ทำไมผ้าม่านถึงถูกรูดดึงออกมาแบบนั้นล่ะ ”
เมื่อเธอคิดเสร็จ เธอก็ได้ยินเสียงใสๆของหญิงสาวนามว่ากุลสตรีดังขึ้นมาอีก
“ ใช่แล้ว ผ้าม่านมันรูดออกไปได้ไงนะ เงยหน้าขึ้นสิ ”
จิตหราตื่นตกใจสุดขีดอีกครั้ง ความหวาดกลัวแล่นผ่านจิตใจของเธออย่างมากมายจนขนทั่วกายของเธอลุกชูชันทุกรูขุมขน จิตหราค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆด้วยอาการสั่นเทา เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมเธอจึงต้องเงยหน้าขึ้นตามคำสั่งของปีศาจสาว มันเหมือนกับว่าเสียงปีศาจนั้นมีอิทธิพลเหนือจิตใจของเธอจนเธอไม่อาจบังคับตัวเองได้ และเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูกระจกตรงริมระเบียง เธอก็พบกับเงาร่างของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งกำลังยืนตัวแข็งเกร็งอยู่ที่ริมระเบียงรับลมของห้องพักหรู บุคคลผู้นั้นคือ……กุลสตรี
“ อะ……” จิตหราเกิดอาการติดอ่างในทันที เธออยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่แห่งนี้และแหกปากร้องให้เสียงดังที่สุด แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้ซักอย่างเลย สิ่งเดียวที่เธอทำได้และกำลังทำอยู่คือ……การยืนตัวแข็งทื่อแล้วนิ่งเงียบ แววตาที่สั่นไหวและเหลือกลานจับจ้องอยู่ที่ร่างปีศาจสาวซึ่งยืนสงบนิ่งตรงริมระเบียงแบบไม่วางตา
“ ดีมาก เธอจงเดินมาหาชั้นแล้วเปิดประตูกระจกนี้ซะ ” ปีศาจสาวออกคำสั่งกร้าวด้วยเสียงแหลมเล็ก ใบหน้างามของปีศาจสาวนั้นดูขาวซีดราวกับใบหน้าของซากศพที่ไร้สีเลือด
สิ้นคำสั่ง จิตหราก็ค่อยๆก้าวเดินไปยังประตูกระจกตรงริมระเบียงอย่างช้าๆ เมื่อเธอเดินมาถึงที่หมาย เธอก็ค่อยๆเอื้อมมือไปจับขอบประตูกระจกเพื่อเตรียมเลื่อนมันออกอย่างช้าๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมเธอถึงต้องทำตามคำสั่งของปีศาจสาวอย่างว่าง่ายแบบนั้น ทั้งที่ภายในใจของเธอเฝ้าแต่ร่ำร้องให้เธอรีบหลีกลี้หนีจากที่ตรงนี้โดยเร็วที่สุด
เมื่อประตูกระจกถูกเลื่อนออกไปจนสุด ปีศาจสาวหน้าขาวซีดก็แสยะยิ้มสุดหล้า แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูไม่น่ารักเท่าที่ควรเพราะมันเป็นรอยยิ้มของปีศาจสาวที่หน้าขาวซีดราวกับศพที่ตายมาแล้วหลายชั่วโมง ปีศาจเริ่มสั่งต่อด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดว่า……….
“ เธอก้าวมาหาชั้นที่ริมระเบียง ”
แต่ทว่าจิตหรากลับไม่กระทำตามคำสั่งของปีศาจสาว ทั้งที่ผ่านมาเธอกระทำตามคำสั่งของปีศาจสาวแต่โดยดีทุกประการ จิตหราได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้างามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง
“ ก้าวออกมา จิตหรา ” ปีศาจสาวร้องสั่งด้วยเสียงที่เฉียบขาดกว่าเดิมแต่ถึงกระนั้นจิตหราก็ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม และในขณะที่ปีศาจสาวกำลังจะออกปากสั่งเป็นครั้งที่สาม ก็เป็นฝ่ายจิตหราที่เอ่ยปากตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาและเบาหวิว
“ ไม่ ชั้นไม่ทำ ”
สิ้นคำของหญิงสาว อสูรร้ายผู้อาฆาตก็ออกอาการโกรธเกรี้ยวจนตวาดใส่หญิงสาวเบื้องหน้าด้วยกระแสเสียงที่เกรี้ยวกราดคล้ายคลื่นทะเลยามฟ้าคลั่ง
“ แกกล้าขัดคำสั่งชั้นรึ นังจิตหรา ออกมาเดี๋ยวนี้ ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจิตหรากลัวมากเกินไปหรือว่าดวงชะตาของหญิงสาวผู้นี้ยังไม่ถึงฆาตก็ไม่ทราบได้ ใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวเริ่มกลับกลายเป็นบูดบึ้งด้วยความโกรธเคืองขึ้นมาแทน จิตหรารับรู้ได้ถึงโทสะที่พุ่งทะยานขึ้นมาในจิตใจของตนเองอย่างรุนแรงจนเธออดไม่ได้ที่จะตวาดตอบปีศาจสาวคู่กรณีด้วยเสียงอันดังว่า……
“ ไม่ ”
ปีศาจสาวนามว่า…กุลสตรีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ มันคงไม่คาดคิดเช่นกันว่าเหยื่อของมันจะเกิดการต่อต้านอำนาจจิตมันได้ถึงเพียงนี้ แต่ทว่าความอาฆาตมาดร้ายของมันก็รุนแรงเกินกว่าที่ล่าถอยแต่เพียงเท่านี้ มันจึงขู่คำรามด้วยเสียงอันแหลมเล็ก
“ ในเมื่อแกไม่ออกมา ชั้นจะเข้าไปหาแกเอง แฮ่ๆ ”
สิ้นคำประกาศก้อง ร่างเพรียวบางของปีศาจสาวผิวซีดก็ถลาลอยล่องเข้าหาจิตหราที่ยืนห่างจากมันเพียงสามก้าวในทันที แต่ในจังหวะที่เงาร่างของปีศาจสาวกำลังก้าวพ้นประตู มันก็ชะงักงันในทันทีคล้ายว่ามันกำลังวิ่งชนกำแพงที่มองไม่เห็น และในวินาทีต่อมาก็เกิดกระแสไฟฟ้าสีแดงแลบขึ้นมากลางอากาศตรงจุดที่ปีศาจสาวลอยตัวอยู่
“ กรี๊ดๆ! ” เสียงกรีดร้องลากยาวของปีศาจสาวดังกู่ก้องด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเงาร่างของปีศาจสาวก็กระเด็นปลิวไปข้างหลังอย่างรุนแรง
หลังจากที่ปีศาจลอยหายกลับเข้าไปในความมืดมิด ไฟฟ้าในห้องก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง หญิงสาวก็เริ่มตื่นจากอาการตะลึงงงเมื่อครู่เช่นกัน
“ เอ๊ะๆ เราต้องไปเอาตะกรุดเหล็ก ” จิตหราฉุกคิดได้ถึงเครื่องรางเพียงหนึ่งเดียว เธอจึงรีบกลับหลังหันแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อไปค้นหาสร้อยคอตะกรุดเหล็ก เมื่อเธอกลับเข้ามาในห้องน้ำเธอก็พบมันวางกองอยู่ตรงข้างอ่างน้ำอันเป็นจุดเดิมที่เคยทำตก
จิตหรารีบหยิบสร้อยผ้าดิบนั้นขึ้นมาคล้องคออย่างรวดเร็ว ใจของเธอชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อเธอได้เครื่องรางกันภัยเพียงหนึ่งเดียวกลับมา หลังจากนั้นเธอก็รีบก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินตรงไปปิดประตูกระจก หลังจากนั้นก็รูดผ้าม่านปิดในทันที สุดท้ายแล้วเธอก็รีบโดดขึ้นไปนั่งคุดคู้อยู่บนเตียงหนานุ่มภายในห้อง ใจนึกภาวนา……..
“ เมื่อไหร่ โอมจะกลับมา ชั้นกลัวจังเลย ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ