โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) แม่หมอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 3 แม่หมอ
…………………….
ในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิคสีขาวไข่มุกราคาเหยียบล้าน จิตหราสาวสวยวัย 30 เศษกำลังนั่งหน้านิ่วบังคับพวงมาลัยเพื่อพารถเก๋งป้ายแดงหมาดๆผ่านการจราจรที่แสนโหดร้ายของเมืองกรุง ในใจเธอหวนคิดกังวลไปถึงเศษกระดาษชิ้นหนึ่งที่วางไว้ที่คอนโซลหน้ารถ พอถึงช่วงจังหวะไฟแดง เธอก็หยิบเศษกระดาษดังกล่าวขึ้นมาดู
“ แม่หมอมาลี อุดมเกศา ที่อยู่ xxxxxxxxx ”
“ จะช่วยได้แน่หรือ ” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะวางเศษกระดาษดังกล่าวไว้ที่เดิมแล้วหันกลับไปจับพวงมาลัยเพื่อบังคับรถต่อเนื่องจากตอนนี้ถึงจังหวะไฟเขียวแล้ว
…………………….
ณ.ชานเมืองกรุงเทพ รถเก๋งคันหรูแล่นผ่านถนนขนาดสองเลนที่ค่อนข้างโล่งอย่างช้าๆ จิตหราต้องคอยหยุดรถจอดเพื่อดูระบบนำทางอัตโนมัติ (เนวิเกเตอร์) เป็นระยะเพื่อค้นหาที่อยู่ของบ้านเป้าหมาย บางครั้งก็แวะเข้าไปจอดเทียบร้านค้าริมถนนเพื่อถามที่อยู่กับบรรดาเหล่าชาวบ้าน จนในที่สุดเธอก็พบบ้านเป้าหมายจนได้
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านทรงไทยยกพื้นสูงขนาดกลางสองชั้นแต่มองดูเก่าแก่ ตรงใต้ถุนมีชายแก่นั่งประจำการอยู่ที่แคร่ไม้เก่าๆ จิตหราจอดรถเทียบข้างบ้านแล้วลงจากรถพลางเดินเข้าไปหาชายสูงอายุ
เมื่อจิตหราเข้ามาใกล้ชายสูงอายุ จิตหราสังเกตว่า ชายสูงอายุรายนี้น่าจะอายุประมาณ 60 กว่าๆ ผมสั้นเกรียนขาวโพลน หน้าย่นๆของแกมองไปข้างหน้า แววตาไร้จุดหมาย ท่อนบนเปลือยมีผ้าขาวม้าเก่าๆพาดบ่า
“ สวัสดีค่ะ คุณลุง ที่นี่ใช่ บ้านเลขที่ xxxxxxx ที่อยู่ของแม่หมอมาลีหรือเปล่าคะ ” จิตหรายกมือไหว้ด้วยมารยาทอันดีแล้วเปิดปากสอบถามเสียงสุภาพ แต่ทว่าชายแก่กลับนั่งนิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินหรือรับรู้การมีตัวตนใดๆของจิตหรา
“ เออ สวัสดีค่ะ หนูชื่อจิตหรา หนูมาหาแม่หมอมาลี เธออยู่บ้านหลังนี้ใช่มั้ยคะ ” จิตหราเน้นเสียงให้ดังขึ้นเพราะคิดในใจว่าแกอาจจะหูหนวกเลยไม่ได้ยินเสียง แต่เธอก็ไม่กล้าตะโกนเพราะกลัวเสียมารยาท แต่ถึงกระนั้นชายแก่ก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลยคล้ายว่าเธอและชายแก่จะอยู่กันคนละโลก
ระหว่างที่ จิตหรา ยืนปวดเศียรเวียนเกล้ากับอาการเมินเฉยของชายแก่ ก็มีเสียงยานคางของหญิงแก่คนหนึ่งดังขึ้นที่เบื้องหลังของจิตหรา
“ ทำอะไรอยู่รึจ๊ะ แม่หนู ”
เมื่อจิตหราหันหน้ากลับมาเพื่อดูต้นเสียงก็พบ หญิงชราอายุประมาณ 60 ปี หน้าตาท่าทางใจดี ร่างท้วมนิดๆ ผมขาวบนหัวมวยขดเป็นระเบียบเรียบร้อย หญิงสูงอายุคนนั้นซ่อนร่างเล็กท้วมในชุดเสื้อผ้าซิ่นคอกระเช้าสีขาว ผ้าถุงสีดำไร้ลวดลายตามแบบฉบับคนชราต่างจังหวัด
“ เออๆ ค่ะ พอดีหนูหาแม่หมอมาลีน่ะค่ะ เลยมาถามคุณลุงตรงนี้แต่เอ่อ….คุณลุงแกนั่งเฉยไม่รู้ว่าแกเป็นอะไรรึเปล่า ” จิตหราพูดพลางหันกลับมา แต่ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ…….แคร่ไม้ที่ว่างเปล่า
“ อะ……อะไรกัน เมื่อกี้มีลุงนั่งอยู่ตรงนี้นี่นา แกหายไปไหนกันนะ ” จิตหรายืน งง ใบหน้างามบิดเบี้ยวเพราะเกิดความสับสนกับเหตุพิสดารที่ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้ จะบอกว่าลุงแกวิ่งหนีไป มันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนแก่อายุปูนนี้จะวิ่งเร็วได้ถึงขนาดนั้น อีกประการช่วงที่เธอพลิกตัวหันไปมองหญิงชราแล้วหันกลับมองชายชราอีกมันใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง ไม่มีคนธรรมดาทั่วไปคนไหนจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้
“ เออ คุณลุงตรงนี้หายไป เมื่อกี้แกยังอยู่ตรงนี้นี่คะ ” จิตหราหันไปถามหญิงชราด้วยเสียงละล่ำละลัก
“ ไม่ต้องพูดแล้วจ๊ะ ขึ้นมาก่อน แม่หนู ” หญิงชรายิ้มอ่อนโยนพรางเชื้อเชิญหญิงสาวให้ขึ้นไปบนเรือน
“ ค่ะๆ ” จิตหรารับคำแบบ งงๆ สีหน้าของเธอยังแสดงออกถึงความประหลาดใจกับเหตุพิลึกเมื่อครู่นี้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
หลังจากที่ จิตหรา เดินขึ้นมาบนเรือนไม้เก่าแก่ สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือรูปภาพขาวดำของชายชราคนหนึ่ง รูปภาพดังกล่าวถูกจัดวางไว้ที่ชั้นต่ำสุดของหิ้งพระในบ้าน ทันทีที่เห็น ดวงตาของเธอก็เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เนื่องด้วยชายชราในรูปภาพนั้น……..
“ เป็นชายชราคนเดียวกับที่เธอเห็นตรงแคร่ไม้เมื่อครู่นี้ ”
“ แม่หนู เธอเชื่อเรื่องผีและวิญญาณมั้ย ” เสียงยานๆแตกพร่าแบบคนชราของหญิงชราโพล่งขึ้นทำลายความเงียบ ปลุกให้จิตหราตื่นจากภวังค์
“ เออ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งน่ะค่ะ ” แม้ตอนนี้เธอจะเริ่มขนลุกแต่เธอก็ยังตอบแบบไว้ท่าที
“ ไม่เชื่อครึ่งทั้งที่หนูเพิ่งเจอกับสิ่งเหล่านั้นเมื่อครู่นี้น่ะหรือ ” หญิงชราพูดขึ้นมาลอยๆ
“ คุณป้ารู้…” หญิงสาวหันขวับ ใบหน้างามดูตื่นตะลึง
“ ใช่ ลุงที่หนูเห็นน่ะเป็นสามีของป้าเอง แต่แกเสียไปเมื่อปีที่แล้ว และอีกอย่างเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่าหนูจะเห็นคนเดียว ป้าเองก็เห็นเช่นกัน ทุกช่วงเวลานี้ของทุกวันแกมักจะมานั่งเล่นที่แคร่ไม้นั้นประจำ ”
หญิงชราพูดไปก็อมยิ้มไปเหมือนดื่มด่ำกับความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับคนรักในอดีต แต่จิตหราไม่ยิ้มด้วยแน่ ใจเธอมีแต่ความสยดสยองที่เมื่อครู่นี้ได้เห็นอดีตมนุษย์ปรากฏตัวแบบเต็มๆ
“ เออ....ตกลง ป้าพอจะบอกได้มั้ยว่า แม่หมอมาลีอยู่บ้านนี้ ใช่มั้ยคะ ” จิตหราพยายามสะกดกลั้นความกลัวเปิดปากถามหญิงชราต่ออีกครั้ง เนื่องจากการได้พบแม่หมอเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่าการเผชิญความกลัวที่อยู่ตรงหน้า
“ ชั้นเองแหละ แม่หมอมาลี หนูมาหาป้า มีธุระอะไรจ๊ะ ” หญิงชราตอบยิ้มๆ
“ เออ…ตกลงเป็นป้า ” จิตหรายืน งง พักนึง หญิงชราคนนี้ดูไม่มีทีท่าว่าจะรับสมญานามว่า แม่หมอ ได้เลย
“ ใช่แล้วจ๊ะ หนูจิตหรา ” หญิงชราตอบหน้ายิ้มดุจเดิม
“ ค่ะๆ เอ เดี๋ยว ป้ารู้ชื่อหนูได้ไง หนูจำได้ว่าหนูยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองเลย ” จิตหราสงสัย
“ หึๆ ลุงเขาบอกป้าเมื่อครู่นี้เอง หนูมีเรื่องเดือดร้อนจากอะไรบางอย่างใช่มั้ยจ๊ะ ” หญิงชราเริ่มโชว์ฟอร์มการเป็นการเป็นแม่หมอ
“ เออ ค่ะๆ ” จิตหราถึงกับอึ้งกิมกี่ ในใจเริ่มศรัทธาขึ้นมานิดๆแต่อีกใจเธอก็อดกังขาไม่ได้
“ ใช่หรือเปล่านา หรือเขาจะหลอกลวงเรา บางทีนี่อาจเป็นเพียงจิตวิทยาของพวก 18 มงกุฎก็เป็นได้ ” จิตหราคิดในใจ
“ ป้าได้ยินเสียงของลุงเขาจริงๆ ไม่ได้หลอกหนูแน่ๆจ๊ะ ” หญิงชราตอบกลับทันที
“ หา ป้ารู้สิ่งที่หนูคิดได้ไง ” จิตหราร้องลั่น ใบหน้างามถึงกลับเหวอ
“ จากสิ่งที่ป้าถามหนูเมื่อครู่นี้ที่ว่าหนูเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า ” หญิงชราตอบเนือยๆพลางนั่งลงบนเก้าอี้หวายรับแขกเล็กๆในบ้าน จากนั้นก็ผายมือเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้หวายฝั่งตรงกันข้ามของเธอ ซึ่งจิตหราก็ค่อยๆนั่งลงตามคำเชิญด้วยอาการหวาดระแวงเล็กน้อย
“ ถ้าเชื่อ หนูก็คงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานรอบตัวเรา โดยปกติเราไม่สามารถสัมผัสเขาได้ เว้นแต่เรามีอะไรในตัวมากพอ หรือไม่ก็ถึงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม เราจึงจะสามารถติดต่อสื่อสารกับสิ่งเหล่านี้ได้ แบบเดียวกับที่หนูเจอเมื่อครู่นี้ ” หญิงชราที่อ้างตัวว่าเป็น แม่หมอมาลี แจง
" งั้นแปลว่าเมื่อกี้มันเป็นเวลาและจังหวะที่เหมาะ หนูเลยเห็น เอ่อ....ลูง " จิตหราถาม
" ใช่จ๊ะ เป็นเช่นนั้น แต่ทว่าป้าสามารถสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยเงื่อนไขที่ต่างจากหนู " แม่หมอพูดเรียบๆน้ำเสียงเยือกเย็นผิดกับบุคลิกที่อบอุ่นอ่อนโยนเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคนกัน
" เอ่อ...แล้วเงื่อนไขที่ว่า คือ " หญิงสาวขนลุกกับความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังฝืนทนกลั้นใจถามต่อเพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็น เนื่องด้วยเรื่องราวดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเธอ
" ความสามารถพิเศษแต่กำเนิดของป้า " แม่หมอตอบเรียบเฉย น้ำเสียงชวนขนหัวลุก
" ความสามารถที่ว่า...คือ " จิตหราจ้องไปในดวงตาแม่หมอแบบกล้าๆกลัวๆ
" ป้าสามารถติดต่อสื่อสารกับคนตายได้ ยิ่งวิญญาณคนตายมีพลังแรงกล้ามากหรือมีความผูกพันกับป้ามาก ป้ายิ่งสามารถติดต่อเขาได้ง่ายและชัดเจนขึ้น " แม่หมอวัยชราบอกกล่าวหน้าตาเฉยเหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
" อืมๆ ค่ะ " จิตหราเหมือนจะอึ้งไม่ได้พูดอะไรต่อ
" แต่ก่อนที่ป้าบอกอะไรหนู ป้าขอสัญญาจากหนูอย่างได้มั้ย " แม่หมอหน้าเครียดขึ้นในทันที
" เออ……สัญญาอะ…..ไรคะ " หญิงสาวถามต่อเสียงสั่นเพราะความหวาดกลัวที่เริ่มเกาะกินจิตใจ
" พอรับรู้เรื่องที่ป้าจะบอก หนูห้ามตื่นตกใจจนคุมสติไม่อยู่ " แม่หมอพูดน้ำเสียงคาดคั้น
" อืมๆ ค่ะ " จิตหรานิ่งคิดก่อนตัดสินใจตอบ
" มีบางอย่างตามหนูอยู่ " แม่หมอพูดขึ้นมาในทันที
" หาๆ! จริงหรือคะ มันคืออะไร " จิตหราถามเสียงตื่น ในใจพยายามที่จะคุมสติให้อยู่อย่างเต็มที่
" ป้าไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้ดูอย่างละเอียด ที่ป้าเห็นเมื่อครู่เป็นเงาดำมหึมาที่ตามรถหนูมาติดๆ และที่ป้าทราบว่าหนูน่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเพราะป้าได้ยินเสียงของลุงเตือนป้าเมื่อครู่นี้ว่า หนูกำลังมีอันตราย " แม่หมอวัยชราเค้นเสียงแหบยานคางออกมาอย่างยากลำบาก
" แล้วหนูจะทำอะไรได้บ้างคะ เพราะระยะหลังหนูมักจะเจออะไรแปลกๆรบกวนหนูอยู่ตลอดทุกค่ำคืนเลย " จิตหราพูดเบาๆน้ำเสียงส่อแววหวาดผวา
" แล้วเหตุที่ว่าแปลกคืออะไร หนูลองเล่ามาให้ป้าฟังก่อนซิจ๊ะ " แม่หมอพูดเรียบ หน้าตาของแกดูจริงจังขึ้นมาสมกับฉายา แม่หมอ
จิตหราหน้านิ่ว คิ้วงามขมวดด้วยความลังเลเพราะเธอกลัวที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนอื่นฟังมากที่สุด แม้กระทั่งเพื่อนสาวคนสนิทที่ให้ที่อยู่ของแม่หมอมา เธอก็ไม่กล้าบอกอะไรมาก สาเหตุเพราะเธอกลัวว่าจะถูกคนอื่นหาว่าบ้า และเธอก็มีเหตุจำเป็นบางประการที่ไม่อยากเล่า แต่ในตอนนี้มันจำเป็นที่จะต้องเล่าให้แม่หมอฟัง เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาประหลาดที่ตามรังควานเธอ
" ว่าไงจ๊ะ แม่หนู " แม่หมอทวง
" เออ ค่ะ เรื่องเป็นเช่นนี้ค่ะ ในช่วงหลายวันไม่รู้มีอะไรเกิดขึ้น หนูพบเจออะไรแปลกๆหลายอย่าง อย่างแรกเลยหนูรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าในเวลาที่หนูไปไหนมาไหนเหมือนจะต้องมีใครซักคนคอยตามหนูอยู่ตลอด " จิตหราแจง
" อืม ต่อจ๊ะ " แม่หมอพยักหน้าเตือน
" และอีกอย่าง ในช่วงตีสามของทุกคืน...." จิตหราเล่าถึงจุดนี้ เธอก็นิ่งเงียบไปอึดใจคล้ายจะสะทกสะท้านกับในบางสิ่งที่เธอกำลังจะเล่า
" หนูจะตื่นขึ้นมาแล้วเจออะไรบางอย่างที่ปลายเตียงของเธอ ใช่มั้ย " แม่หมอพูดขึ้นมา ขณะนี้ดวงตาของหญิงชราแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างประหลาด
" เอ๋ๆ! ป้ารู้ " จิตหราร้องเสียงหลง
" ใช่ ลุงบอกกับป้าเมื่อครู่นี้ แต่ป้าก็รู้เพียงแค่นั้น พลังของป้าและลุงไม่แก่กล้าพอที่จะรู้มากกว่านั้น สิ่งที่หนูเห็นคืออะไร " ป้าพูดเสียงเร็วจี๋ ดวงตาของป้าทั้งแข็งกร้าวและดูล่อกแล่กไปมาชอบกล ผิดกับบุคลิกในตอนแรกลิบลับ
" เฮ้อๆ สิ่งที่หนูเห็นคือ...." จิตหราถอนหายใจเบาๆพรางเค้นคำกล่าว
" อืม อะไรจ๊ะ " ถึงตาแม่หมอกลืนน้ำลายมั่ง
" เงาร่างของหญิงคนหนึ่งที่มีเลือดท่วมโทรมกาย " จิตหราเปิดเผยช้าๆอย่างยากลำบาก
" เขาทำอะไรหนูบ้าง " แม่หมอผวาเล็กๆนิดนึงแล้วถามต่อในทันที
" เขา...เขาพุ่งตัวเข้ามาหาหนู..." จิตหราหน้าเสียเมื่อนึกถึงความหวาดผวาที่เธอต้องเจอทุกตีสามของสามคืนที่ผ่านมา
" แล้วเขาทำอะไรต่อ " ดวงตาขวางแข็งเกร็งของแม่หมอลุกโชนคล้ายมีประกายไฟในดวงตา สำเนียงถามรวดเร็วและดุดันคล้ายการตะคอก
" เขา...." จิตหราหน้าหมองเจื่อนลงด้วยความหวาดผวา ดวงตางามปริ่มน้ำตา
" เขาอะไรๆ! " ถึงนาทีนี้แม่หมอถึงกับลุกขึ้นมาจับมือหญิงสาวแน่นทั้งสองมือ กำลังที่กำข้อมือของเธอมากเหลือล้นจนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นแรงของหญิงชรา
" เขา…… กรี้ดๆ! " จิตหราพูดต่อได้ครู่ก็สะบัดมือจากการเกาะกุมของแม่หมอ แล้วก้มตัวเอามือสองข้างปิดหูพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง
พอได้ยินเสียงกรี้ด แม่หมอก็รู้สึกตัว และหลุดจากอะไรบางอย่างที่เหมือนจะควบคุมตัวเธอเมื่อครู่นี้ แม่หมอเอามือเหี่ยวแห้งโอบไหล่ของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
" ไม่ต้องเล่าต่อแล้วจ๊ะ ใจเย็นๆหนูอยู่ที่นี่ไม่มีอันตรายอะไรมาทำร้ายหนูได้ "
" ฮือๆ " จิตหราเหมือนจะสุดกลั้นถลาเข้าซบอกหญิงชราร้องไห้เป็นเด็กน้อยแบบไม่อายใคร หญิงชราโอบกอดจิตหราไว้แน่น ในใจของหญิงชรานึกสงสารเด็กสาวผู้โชคร้ายนี้เป็นที่สุด
แม่หมอปลอบโยน จิตหรา เกือบสิบนาทีกว่าเธอจะตั้งสติได้ หลังจากที่เธอเริ่มตั้งสติได้ หญิงชราก็รินน้ำชาร้อนมอบให้ จิตหรา ดื่มเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น พอจิตหราเริ่มดีขึ้น แม่หมอเริ่มเปิดปากแจงแบบช้าๆและนิ่มนวล
" ตอนนี้ป้าเห็นบางอย่างแล้ว แต่ป้ายังไม่รู้รายละเอียด บอกตามตรงบางสิ่งที่ตามหนูอยู่ในตอนนี้มีพลังแรงมาก แรงชนิดที่ป้าไม่สามารถพูดคุยหรือติดต่อกับสิ่งนั้นได้เลย เพราะเขาไม่ยอมคุยกับใครทั้งนั้น เขาต้องการแค่อย่างเดียวคือตามหนู ตามด้วยสาเหตุอะไร ป้าเองก็ไม่รู้ ยังไงป้าจะพยายามติดต่อกับเขาอีกที แต่คราวนี้ป้าคงต้องตั้งใจเต็มที่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา " แม่หมอบรรยาย สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียด
" ค่ะ ได้ค่ะแล้วต้องทำไงบ้างคะ " ถึงนาทีจิตหราเชื่อแล้วว่า ป้าคนนี้คือของจริง
" ขอเวลาป้าแต่งตัวก่อน หนูไปนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระได้เลย จากนั้นไหว้พระ สวดมนต์ซักจบสองจบได้ยิ่งดี ขอตัวก่อนนะจ๊ะ " ป้าแม่หมอแจงเสียงสั่นเทาตามประสาคนแก่
" ค่ะ ได้ค่ะ " จิตหราตอบรับ
……………………..
จิตหรา นั่งหน้าพระพลางก้มลงกราบและสวดมนต์ตามคำแนะนำของแม่หมอ แต่เธอก็สวดผิดสวดถูก สวดข้ามบ้าง ลืมบ้าง เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิในการสวดโดยสิ้นเชิง ความเงียบภายในบ้านเรือนไทยและการอยู่คนเดียวทำให้เธอหวาดผวา เมื่อเธอมองไปรอบๆ ก็เห็นเครื่องเรือนเก่าๆ ตำราปึกใหญ่บนชั้นหนังสือ และสิ่งของแปลกประหลาดหลายอย่าง บางชิ้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
" รอนานมั้ยจ๊ะหนู " เสียงแม่หมอเฒ่าทักจากด้านหลัง
" ไม่นานค่ะ " จิตหราตอบด้วยอัธยาศัยอันดีพลางหันมายิ้ม แต่ทันทีที่เห็นแม่หมอ เธอก็หุบยิ้มเลยในทันที เพราะภาพที่เห็นคือ ภาพหญิงชราซ่อนร่างท้วมขาวในชุดนุ่งขาวห่มขาวเฉียงสไบพาดไหล่ ดูท่าทางคล้ายคนไปบวชชีพราหมณ์ก็ไม่ปาน
ถ้าเป็นยามปกติเธอคงแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ออก แต่จากสิ่งที่เธอเจอมาในหลายวันที่ผ่านมาทำให้เธอไม่สามารถหัวเราะออกมาได้ ในใจนึกหวังอย่างเต็มเปี่ยม
" ช่วยหนูให้ได้ด้วยเถิด "
" จ๊ะ ป้าจะพยายามอย่างเต็มที่ " แม่หมอพูดหน้าเครียด แม้จิตหราจะสะดุ้งตกใจเนื่องจากแม่หมอล่วงรู้ความคิดของเธออีกแล้ว แต่เมื่อคิดถึงปาฏิหาริย์ของแม่หมอเมื่อครู่เธอก็เลิกสงสัย
แม่หมอก้มตัวลงนั่งพับเพียบหน้าโต๊ะหมู่บูชาอย่างเชื่องช้า หลังจากนั้นเธอก็ก้มลงกราบพระสามครั้ง แล้วเธอก็นั่งนิ่งตั้งจิตสำรวมรวบรวมกำลังใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็เริ่มเปิดปากสวดมนต์อย่างเชื่องช้า แผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ
" นะโมตัสสะ ภะคะวะโต ....."
เสียงสวดมนต์ อิติปิโส ของหญิงชราดังแทรกความเงียบ น้ำเสียงของเธอดังเป็นน้ำหนักเดียวกัน ไม่มีสั่นแหบพร่าสั่นเครือ บ่งบอกถึงพลังสมาธิที่ดีเยี่ยม เมื่อจิตหราได้ฟังเสียงสวดที่แน่วแน่ทำให้เธอใจชื้นขึ้นจนขจัดความกลัวออกจากจิตใจได้หลายส่วน
หลังจากแม่หมอสวดเสร็จ เธอก็พนมมือค้างนิ่งไว้ที่อก ดวงตาหย่อนยานตามวัยหลับนิ่ง ปากเอื้อนเอ่ยวาจาเสียงหนักแน่นทรงพลังผิดกับวัยของเธอ
" ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ณ.โลก ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทุกท่าน พรหมแลเทวดาทุกท่าน ขอจงช่วยสงเคราะห์ข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้ามีพลังจิตมากพอที่จะติดต่อกับวิญญาณที่แรงกล้าแต่เต็มไปด้วยโทสะจริตดวงนี้ด้วยเถิด "
พอสิ้นคำอธิษฐาน ดวงตาที่เคยปิดสนิทของแม่หมอก็เบิ่งโพลนขึ้น แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ ดวงตาของแม่หมอไม่มีตาดำ มีแต่ตาขาวเท่านั้นที่เบิกโพลง
" ว้ายๆ " จิตหราผวาถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเห็นอาการของแม่หมอ
" อืมๆ เจ้าต้องการอะไร อ้อ ต้องการตาม.....เอาคืน......ทำร้าย " หญิงชราแหงนหน้าทำท่าทางเหมือนคุยอะไรบางอย่าง น้ำเสียงกร้าวๆของเธอขาดห้วงเป็นระยะ
" เฮื้อก " จิตหรามองพิธีกรรมเงียบๆพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
" โกรธ....อาฆาต....แค้น " หญิงชราพล่ามคนเดียวต่อคล้ายละเมอ
" ตายยยยย " คำสุดท้ายของหญิงชราแทบทำให้เลือดในกายของจิตหราแทบหยุดสูบฉีดในทันที
ทันใดนั้นเอง จิตหราเหมือนจะเห็นเงาดำก้อนมหึมาก้อนใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้าของแม่หมอ เงาดำนั้นส่งประกายตาแดงจ้ามายังเธออย่างรุนแรง วินาทีต่อมาหญิงชราถึงกลับผงะหลังล้มลงกับพื้น จากนั้นเงาดำนั้นก็หายแวบไปในทันที
" แฮ่กๆ " หญิงชรานอนแผ่หงายหลังกับพื้นพลางหอบเหนื่อยคล้ายคนที่เพิ่งผ่านการออกกำลังมาอย่างหนักหน่วง
" เอ่อ…….คุณป้าคะ เป็นไงบ้าง " จิตหราส่งเสียงถามด้วยความเป็นห่วงแต่เธอก็ไม่กล้าไปแตะต้องตัวของแม่หมอ
" เฮ้อๆ ป้าไม่เป็นไร " แม่หมอชราค่อยๆทรงกายยันตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ เธอหายใจหอบเหนื่อย
" ตกลงเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือคะ กำจัดสิ่งที่ตามหนูได้มั้ยคะ " หญิงสาวถามแม่หมอน้ำเสียงที่ดูร้อนรน
แม่หมอเฒ่าเงยหน้ามองหญิงสาวนิ่งๆอยู่หลายอึดใจ สีหน้าของเธอดูเจ็บปวดมาก หญิงสาวพอจะอ่านสีหน้าของแม่หมอได้จึงเปิดปากถามแม่หมอเสียงสั่นเครือ
" มะ…..ไม่ได้ผลหรือคะ "
" ใช่จ๊ะ เขาต้องการชีวิตของหนู ป้าพยายามขออโหสิกรรม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ แต่ดวงวิญญาณนั้นกลับปฏิเสธทุกข้อเสนอ ดวงวิญญาณนั้นมีพลังรุนแรงและหนาแน่นไปด้วยแรงอาฆาตพยาบาทมากเหลือเกิน มากซะจนไม่มีช่องว่างให้สงเคราะห์ได้ด้วยบุญกุศล " หญิงชราตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สีหน้าของแกดูหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดคล้ายจะชราลงไปอีกสิบปี
" ค่ะๆ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะลองหาทางอื่นค่ะ " จิตหราก็ดูหน้าหมองคอตกเหมือนคนปลงตกในชะตาชีวิตเช่นเดียวกัน
" เออ ค่าทำพิธีเท่าไหร่คะ " หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆเหมือนคนหมดแรงใจ
" ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ป้าตั้งใจช่วยน่ะ " แม่หมอลุกขึ้นตาม สีหน้าของแม่หมอเศร้าสร้อยไม่แพ้กัน เธอเสียใจมากที่ไม่อาจช่วยหญิงสาวผู้นี้ได้
" ขอบคุณมากค่ะป้า " หญิงสาวก้มลงไหว้หญิงชราด้วยอาการหงอยเหงา เซื่องซึม
" จ๊ะๆ " หญิงชรารับคำเศร้าๆ ขอบตาแดงคล้ายจะร้องไห้
" ลาแล้วนะคะ " หญิงสาวหันหลังเตรียมเดินออกจากบ้านเรือนไทย
ทันทีที่หญิงสาวกำลังจะก้าวออกจากชายคาของบ้านเรือนไทย เธอได้ยินเสียงหญิงชราร้องทักจากเบื้องหลัง น้ำเสียงของหญิงชราตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
" เดี๋ยวก่อน หนูอย่าเพิ่งไป "
" คะๆ มีอะไรหรือ " หญิงสาวหันกลับมาอย่างเชื่องช้า
" พอมีทางช่วยหนูแล้ว เมื่อกี้ป้ามัวแต่เสียใจเลยลืมไปถนัดเลย " หญิงชราวิ่งเข้าไปจับมือหญิงสาวพลางเขย่าไปมาด้วยความดีใจ
" เอ๋ๆ! เหรอคะ ยังไง บอกหนูที " คำกล่าวของหญิงชราปลุกให้ใจของหญิงสาวพุ่งทะยานลิงโลดด้วยความดีใจ เธอเริ่มมีความหวังแล้ว
" ป้าลืมนึกถึงคนๆนึงไปน่ะ " หญิงชราตอบหน้ายิ้มแป้น
" ใครคะป้า " หญิงสาวยิ้มร่าน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจด้วยความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้น
" เขาคนนั้นเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านนี้ เท่าที่ป้าอยู่ในแวดวงนี้มา ป้าไม่เคยเห็นใครเก่งกว่าเขาเลยซักคน จิตของเขามีพลังแกร่งกล้ากว่าป้ามากชนิดเทียบกันไม่ได้ และที่ผ่านมาเขาทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาหลายครั้งแล้วไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะพลาด " แม่หมอสาธยายสรรพคุณของคนที่กำลังกล่าวถึงด้วยน้ำเสียงชื่นชม
" แล้วเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหนคะ " หญิงสาวเร่งถาม
หญิงชรายิ้มให้หญิงสาวอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน พร้อมยื่นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่บรรจุรายละเอียดบ้านเลขที่ของบ้านหลังหนึ่งในเขตปริมณฑล หลังจากนั้นหญิงชราก็เอ่ยปากตอบคำถามหญิงสาวอย่างช้าๆแต่มั่นคง
" เขาคือ หมอโอม นี่คือที่อยู่ของเขาจ๊ะ "
…………………….
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ