โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ไตร่ตรอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 5 ไตร่ตรอง
……………………..
สายลมยามเย็นพัดโชยพากลิ่นหอมหวนของมวลหมู่ดอกไม้ อากาศเริ่มชื้นและเย็นมากขึ้นเพราะแสงอาทิตย์สุดท้ายใกล้ลับเหลี่ยมขอบฟ้าแล้ว ณ.สนามฟุตบอลยังเหลือเด็กน้อยวิ่งเล่นไล่เตะลูกบอลอีก 2 ถึง 3 คน ใกล้ๆกับสนามฟุตบอลมีเด็กหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งเคียงกันที่ม้านั่งหินแค่ลำพังสองคน ฝ่ายเด็กหนุ่มเป็นคนผิวคล้ำ ร่างสันทัดและไร้ไขมันเนื่องจากออกกำลังเป็นประจำ ขณะนี้กำลังนั่งเอกเขนกเอนกายพักเหนื่อย ส่วนฝ่ายหญิงสาวก็คือ จิตหรา นางเอกสาวที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาการถูกรบกวนจากอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์
" เฮ้อๆ ออกกำลังกายแล้วสดชื่นดีจังเลยนะครับ " เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มแหงนหน้ามองฟ้าอย่างสบายอารมณ์
" ค่ะ เอ่อ….. " หญิงสาวหาจังหวะสอบถามไม่ได้
" ว่าแต่ว่า พี่มาหาผมทำไมครับ " เด็กหนุ่มถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่
" เอ่อ……ก็ไม่แน่ใจว่าว่าใช่เธอป่าว คือแม่หมอมาลีเขาแนะนำพี่ให้มาหา เอ่อ...หมอโอม ใช่เธอรึเปล่า " หญิงสาวถาม ในใจไม่รู้สึกศรัทธาเด็กหนุ่มบ้านนอกคนนี้เลย
" หาๆ! เมื่อกี้…..พี่บอกว่า คุณยายมาลี บอกให้พี่มาหาอะไรนะ อุๆ " ทันทีที่เด็กหนุ่มได้ยินคำบอกเล่า เด็กหนุ่มลุกพรวดลืมตา อมยิ้มนิดเหมือนพยายามกลั้นความขบขำ
" หมอโอมมมม " หญิงสาวพูดพลางลากเสียงยาว เหมือนเธอเริ่มยัวะนิดๆแล้วที่เด็กหนุ่มตรงหน้ามองเธอว่าเป็นจำอวด
" อุ….อุ้บ…..ฮ่าๆ ก้ากๆ เอิ้กๆ ยายมาลี ฮ่าๆ " เด็กหนุ่มหัวเราะก้ากอย่างรุนแรงจนแทบตกเก้าอี้
" อืม " จิตหรากอดอกมองเด็กหนุ่ม ตาเขียวปั้ดด้วยความไม่พอใจ ในใจเธอกำลังคิด
" ตบให้หน้าหันซะดีมั้ย "
" ฮะๆ ขอโทษทีพี่ พอดีมันขำจนทนไม่ไหวน่ะ " หลังจากขำอย่างเมามันมาพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็ถอดแว่นออกพลางเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากริมขอบของดวงตา
" ตกลงหยุดขำได้แล้วใช่มั้ย ว่าแต่เธอขำอะไรหึ " เสียงหญิงสาวฟังดูขุ่นเคือง
" ก็จะไม่ขำได้ไงล่ะพี่ ก็คุณยายมาลีแกเล่นตั้งให้ผมเป็นหมอซะงั้น เป็นงี้ทุกทีเลย คนก่อนๆที่คุณยายแนะนำมา ก็มาถามหาหมอโอมแบบเดียวกับพี่นี่แหละ " เด็กหนุ่มนามว่าโอมพูดยิ้มๆเหมือนยังขำอยู่เล็กน้อย
" แล้วตกลง เราน่ะใช่หมอโอมรึเปล่าล่ะ หี " จิตหรากอดอกหน้างอ
" ไม่ใช่หรอกครับเป็น ไอ้โอมธรรมดานี่แหละ แต่คุณยายมาลีแกตั้งผมให้เป็นหมอไปเองคนเดียว " โอมพูดไปยิ้มไปดุจเดิม
" เฮ้อๆ " จิตหราคอตกลงเล็กน้อยเหมือนผิดหวัง
" ว่าแต่คุณยายแกแนะนำให้พี่มาหาผมเรื่องอะไรกันครับ " โอมถามต่อสีหน้าคลายรอยยิ้มลง มีแววสงสัยย่างกรายเข้ามาแทน
" อืมๆ " จิตหรามองหน้าโอมนิ่งๆพร้อมชั่งใจ เธอคิดในใจว่าถ้าเล่าเรื่องทั้งหมดออกไป เด็กหนุ่มท่าทางเซอร์ติดดินคนนี้จะช่วยเหลือเธอได้จริงๆน่ะหรือ เธอไม่มั่นใจเลย
" อืมๆ " โอมมองหน้าสาวสวยแผล็บนึงก็หันไปเอนหลังแล้วเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อรับลมเย็นอีกครั้ง ปากก็พูดออกมาลอยๆ
" ไม่เป็นไรครับพี่ คุณยายน่ะส่งคนที่มีปัญหามาหาผมหลายคนแล้ว ส่วนใหญ่หาผมไม่เจอ บางคนเจอก็หนีไปเลยเพราะเขาไม่คิดว่าผมจะช่วยอะไรเขาได้ แต่บางคนเขาตกลงให้ผมช่วย ซึ่งถ้าตัดสินเช่นนั้นเขาคนนั้นก็ต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง แล้วสุดท้ายผมจะเป็นคนตัดสินใจอีกทีว่าผมจะรับงานหรือไม่ "
สีหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะเธอตัดสินใจไม่ถูก จะให้ช่วยก็เกรงว่า...เหลว ครั้นจะไม่ให้ช่วยก็กลัวว่าจะเสียเที่ยวเปล่า เธอนิ่งอยู่นานสองนาน เธอจึงตัดสินใจได้ว่า.....
" ตกลง พี่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง " หญิงสาวคิด เหลวยังดีกว่ามาแล้วเสียเที่ยว
" เชิญครับแต่ผมไม่รับปากนะครับว่าผมจะรับงานมั้ย " เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง พลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทีท่าของเด็กหนุ่มดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนับเป็นสิบปีผิดกับเมื่อครู่นี้ราวกับคนละคน
" จ๊ะๆ เรื่องเป็นมาอย่างนี้...... "
จิตหราเล่าเรื่องทั้งหมดให้เด็กหนุ่มรับฟัง ตั้งแต่เรื่องที่เธอมีปัญหาขัดแย้งกับ กุลสตรี เลขาคนเก่ายังไง ซึ่งจุดนี้เป็นเหตุให้ กุลสตรีฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันเธอก็พบเจอเรื่องประหลาดหลายอย่าง สุดท้ายเธอต้องตื่นขึ้นมาทุกตีสามเพื่อมาเจอเงาดำคล้ายผู้หญิงพุ่งเข้าใส่ตัวเธอ
" บรื้อๆ " หญิงสาวขนลุกเมื่อเล่าถึงตรงนี้
" แล้วยังไงต่อครับ " เด็กหนุ่มก้มหน้าลงนิดหนึ่ง สองมือของเขาประกบกันจรดลงที่คาง แววตาที่แน่วแน่ของเขาประสานกับดวงตางามของหญิงสาวแบบไม่วางตา
" อืมๆ " หญิงสาวจ้องตาของเด็กหนุ่มนิ่ง เธอคิดในใจว่าแท้จริงแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็มีดีที่ดวงตานะ ดวงตาของเด็กหนุ่มที่มองผ่านแว่นตาเป็นดวงตาที่กลมโตและสดใสคล้ายลูกตาของกวางน้อยหรือเด็กเล็กๆ แต่ทว่าในดวงตานั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ มันดูแน่วแน่ ทรงพลังและดูมีเสน่ห์อย่างประหลาดจนเธอแทบไม่อาจละสายตาจากตากลมๆคู่นั้นได้
" พี่…..เล่าต่อสิครับ กำลังมันครับ " นายโอมแอบเอื้อมมือไปสะกิดที่หัวไหล่ของหญิงสาวเบาๆจนจิตหราสะดุ้งสุดตัวและตื่นจากภวังค์
" เออๆ ขอโทษจ๊ะ เอ พี่เล่าถึงไหนแล้วนะ " หญิงสาวท่าทางขัดเขิน
" ถึงตรงที่พี่ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ไปหาคุณยายมาลีครับผม " เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆแบบที่ไม่สามารถเดาท่าทีได้ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะตั้งแต่สนทนากันมา เด็กหนุ่มคนนี้แทบไม่เคยหยุดยิ้มกับหัวเราะเลย
หญิงสาวตั้งสติได้ก็เล่าเรื่องต่อไปว่าช่วงที่ไปเจอแม่หมอมาลีเป็นยังไง เธอและแม่หมอมาลีเจออะไรบ้าง จากนั้นก็ถ่ายทอดทุกคำพูดของแม่หมอมาลีที่พูดกับเธอ มาถึงตรงจุดนี้ เด็กหนุ่มหยุดยิ้มอย่างถาวร แถมยังตีสีหน้าเคร่งขรึม ในช่วงเวลานี้บรรยากาศดูอึดอัดและเคร่งเครียดชอบกลผิดกับบรรยากาศผ่อนคลายยามเมื่อเจอเด็กหนุ่มในตอนแรก
" เรื่องก็มีอยู่เท่านี้แหละค่ะ " หญิงสาวเพิ่มค่ะขึ้นมา เธอเริ่มนับถือเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมานิดๆแล้ว
" อืมๆ เท่าที่ฟัง พี่แน่ใจจริงๆหรือว่าพี่เจอวิญญาณตามรังควานจริงๆ " เด็กหนุ่มถามลอยๆ สายตากลมโตของเขาเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย
" หมายความว่า " หญิงสาวถามต่อ
" ก็หมายความว่า บางทีสิ่งที่พี่เจออาจจะเป็นเพียงความสำนึกผิดลึกๆในจิตใจ จนสร้างมโนภาพขึ้นมาเป็นปีศาจเพื่อลงโทษตัวเอง อันตอบสนองความรู้สึกผิดของตัวพี่เอง " เด็กหนุ่มชี้แจงในแนวของตรรกะเชิงจิตวิทยา เล่นเอาหญิงสาวอ้าปากค้างเถียงไม่ออก ในใจนึกสงสัยเด็กหนุ่มซอมซ่อตรงหน้าทำไมถึงคิดอะไรได้ลึกซึ้งขนาดนี้ ผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอย่างเห็นได้ชัด
" ใช่ พี่ยอมรับว่าพี่รู้สึกผิด พี่ก็ไม่แน่ใจว่าจริงแล้วพี่ควรไปหาใครดีระหว่างจิตแพทย์กับหมอผี แต่หลังจากพี่พบแม่หมอ พี่ก็รู้ชัดเลยว่าพี่หาหมออย่างหลังดีกว่า " หญิงสาวแจงสีหน้าจริงจัง
" ทำไมคิดงั้นล่ะพี่ " เด็กหนุ่มซักต่อ
" ก็เพราะพี่รู้ได้เลยว่าแม่หมอมาลี เธอคือของจริง เธอสามารถติดต่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้จริง แล้วแม่หมอก็แจ้งอย่างชัดแจ้งเลยว่าสิ่งที่พี่เจอ มันคือวิญญาณร้ายที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พี่เชื่อแกนะ อาจเป็นเพราะ....." ถึงตรงนี้หญิงสาวลดเสียงลงเล็กน้อยอย่างหวาดๆ ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจเธอ
" เพราะ พี่เห็นเจ้าสิ่งนั้นแวบนึงใช่มั้ยครับ " เด็กหนุ่มตอบกลับในทันที
" เอ๊ะ ใช่ น้องรู้... " หญิงสาว งง เด็กหนุ่มรู้ได้อย่างไร
" มันเป็นความสามารถพิเศษของยายเขาครับ แกสามารถทำให้คนธรรมดาสามารถเห็น พวกนี้ได้แวบนึง " เด็กหนุ่มชี้แจงหน้าเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา
" งั้นแปลว่าเรื่องนี้ เธอก็ยืนยันว่าจริง " หญิงสาวถามกลับ
" ครับ ที่ผมทวนถามพี่เมื่อครู่ ผมต้องการเช็คดูว่าพี่พอจะเข้าใจเรื่องราวแค่ไหน ถ้าพี่เป็นคนไม่รับรู้หรือดื้อด้านไม่พยายามทำความเข้าใจกับเรื่องพวกนี้ ผมก็ป่วยการที่จะช่วยได้ ผมถึงต้องเช็คผู้ที่มาเบื้องต้นก่อนว่าเขาพอจะรับฟังเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ได้มั้ย " เด็กหนุ่มชี้แจงดูเป็นงานเป็นการราวมืออาชีพ
" ก็แปลว่า เธอพอจะช่วยพี่ได้ " หญิงสาวยิ้มใสมีความหวัง
" ยังครับ ผมยังไม่รับปาก ผมต้องใช้เวลาไตร่ตรองก่อน " เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆ
" อืม อย่าหาว่าพี่ดูถูกเลยนะ บางทีเธออาจต้องใช้ค่าใช้จ่าย " หญิงสาวพูดพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือ
" ไม่ต้องครับพี่มันไม่ใช่เรื่องเงิน " เด็กหนุ่มเอามือเล็กๆของเขามากุมที่มือของเธอเชิงห้าม หญิงสาวรู้สึกถึงความเนียนนุ่มและอบอุ่นจากมือของเด็กหนุ่มผิดกับมือของผู้ชายทั่วไป จนเธอสะบัดมือหลบไปนิดหนึ่งด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
" คือเงื่อนไขที่ผมจะรับงานหรือไม่ มันซับซ้อนมาก แทบไม่เคยมีเคสไหนที่ผมเรียกเงินเลย เต็มที่ก็เลี้ยงข้าวให้ผมมื้อหนึ่งในเคสที่ลูกความของผมเป็นคนรวย " เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆ
" อ่าๆ จ๊ะ " หญิงสาวมึนงง เด็กหนุ่มคนนี้เรียกเรื่องพวกนี้ว่า เคส มิหนำซ้ำยังเรียกคนเดือดร้อนที่มาขอความช่วยเหลือว่าลูกความ เธอมึน งง นิดๆกับการนิยามศัพท์ของเด็กหนุ่ม
" ผมจะให้คำตอบกับพี่พรุ่งนี้ " เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนขึ้นพลางบิดขี้เกียจ
" หาๆ! ตั้งพรุ่งนี้แหนะ " หญิงสาวร้อง
" ครับ จริงๆแล้วผมอยากบอกอะไรพี่อย่างหนึ่ง พี่อาจไม่เชื่อนะว่าเมื่อกี้ตอนที่ผมแหงนหน้าขึ้น ผม...ได้ยินเสียงอะไร...บางอย่าง ที่แหบห้าว น่าสะพรึงกลัว มันกล่าวคำๆหนึ่งออกมา " เด็กหนุ่มหยุดยิ้ม แวบนึงเธอรู้สึกว่าหน้าของเด็กหนุ่มหมองคล้ำลง
" คำอะไร " หญิงสาวห่อตัวลง อากาศเหมือนจะหนาวขึ้นเล็กน้อย
" ฆ่า " เด็กหนุ่มพูดห้วนๆและหันหน้ามาทางหญิงสาว สีหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มดูตึงเครียด
" เฮื้อก " หญิงสาวได้แต่กลืนน้ำลาย ตัวเย็นเฉียบไปทั้งกายด้วยความสยดสยอง
" เรื่องนี้ใหญ่มากครับ ยังไงเชิญพี่ไปกินข้าวที่บ้านผมก่อนก็ได้ครับ " พริบตาใบหน้าของเด็กหนุ่มก็กลับมายิ้มละไมพร้อมเชื้อเชิญให้กินข้าว แต่หญิงสาวยังคงขนลุกกับอากัปกิริยาเมื่อครู่ของเด็กหนุ่มอยู่นิดๆ
ทันใดนั้นเองมีเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆอายุราว 10 ขวบ วิ่งควบมาทางเด็กหนุ่มและหญิงสาวอย่างรวดเร็ว บ่งบอกกำลังแรงที่เหลือล้นของเด็กผู้หญิงผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
" พี่โอมๆ กลับบ้านได้ พิกอยากจะกลับแล้ว " เด็กผู้หญิงผมสั้น ร่างท้วม ผิวขาว ยิ้มกว้างให้เด็กหนุ่มจนดวงตาที่ตี่ของเธอเล็กหยีเข้าไปอีกจนแทบไม่เห็นลูกตา
" อืมๆ โอเคพี่จะกลับแล้ว พิกนี่นะ..น้า เอ่อ พี่จิตหรา เขาจะมากินข้าวกับเรา ไหว้พี่เขาก่อนซิ " เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวหญิงสาวจาก น้า เป็น พี่ เมื่อหันไปเห็นหน้าเครียดๆของหญิงสาว
เด็กน้อยร่างท้วมผิวขาวนามว่า พิก ยืนกอดอกมองหน้า จิตหรา พักนึง แววตาของเธอดูเขม็งตึงยังไงชอบกล วินาทีต่อมาเธอเปิดปากห้วนๆ
" ไม่ไหว้ หนูไม่ชอบป้าคนนี้ ไม่ให้กินข้าวด้วย " พูดจบเธอก็หันหลังหนีพลางทำท่าเชิดงอน
" จ้ากๆ ไหงพูดกับพี่อย่างนี้ ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้เลย " โอมตกตะลึง
" ไม่ " เด็กท้วมกอดอกส่ายหน้าไปมาอย่างดื้อดึง
" หึๆ มะไม่เป็นโอมไร พี่ไม่ถือสา ฮึ่ม….. " จิตหราพยายามทำหน้ายิ้มๆพร้อมพูดเชิงไม่ถือสาแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากฟังดูแปลกๆ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ