The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  139.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) อัจฉริยะนักสู้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

 

...........................

         

       เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น พระอาทิตย์ส่องแสงให้ความสว่างแก่ทุกสรรพสิ่ง อากาศในตอนนี้ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป โดยรวมนับว่าเป็นวันที่ดีเลยทีเดียว

          

 

        ที่ลานกว้างกลางป่า มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาเป็นคนร่างเล็ก ใบหน้าซูบผอมและมอมแมม ผมสีเขียวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงคล้ายขอทานผสมจรจัด ชุดกังฟูที่สวมใส่ยิ่งดูทุเรศลูกกะตากว่าสภาพร่างกาย มันทั้งขาดวิ่น สกปรกจนมองไม่ออกว่าเคยมีสีอะไร

         

 

        เด็กหนุ่มกำลังร่ายรำ กายบางโลดโผนโจนทะยาน พร้อมปล่อยฝ่ามือที่งองุ้มจนดูคล้ายกรงเล็บ บางครั้งก็หมุนตัวเตะกวาด หรือไม่ก็โยกซ้ายสลับขวา ทุกท่วงท่าดูรวดเร็ว ว่องไวและแฝงความดุดัน

          

 

         ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเพลิดเพลิน ก็มีเด็กสาวนางหนึ่งเดินเข้ามา เส้นผมสีดำปลิวไสว ร่างสูงเพรียวซ่อนตัวตนอยู่ในชุดกังฟูแดงปักลายมังกรทอง เธอซุ่มดูการฝึกซ้อมอยู่เงียบๆ ประกายตาออกอาการชื่นชม

         

 

        พอเด็กหนุ่มหัวเขียวหันหน้ามาทางเด็กสาว เขาจึงหยุดออกกระบวนท่าชั่วคราว พร้อมร้องทักเสียงดัง

 

“ ว่าไง การฝึกของชั้น เป็นยังไงบ้าง ”

 

“ อืม.....ยอดเยี่ยมที่สุด เพียงเดือนเดียว ก็สามารถฝึกฝนฝีมือจนเหนือกว่าชั้น เธอนี่มันอัจฉริยะชัดๆ ” เด็กสาวชื่นชมเสียงหวาน กิริยาคลั่งไคล้ไม่ต่างจากสาวรุ่นที่ตามกรี๊ดโอปป้า

 

“ มันแน่อยู่แล้ว ชั้นคือสุดยอด ว่าแต่เธอมาก็ดีแล้ว หนึ่งเดือนมานี่ ชั้นคิดท่าใหม่ขึ้นมาได้ คอยดูให้ดีนะ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวคุยโม้โอ้อวดแบบไม่คิดจะถ่อมตัว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มย่อตัวลงต่ำและตั้งกระบวนท่าต่อสู้

 

“ โห….. เยี่ยมไปเลย ” เด็กสาวตบมือชื่นชม ดวงตาจับจ้องกระบวนท่าที่เด็กหนุ่มคิดค้นไม่วางตา

 

“ คอยดูให้ดีนะ ชั้นตั้งชื่อกระบวนท่านี้ว่า……คลื่นมังกรพิโรธ ” เด็กหนุ่มประกาศก้อง ท่าทางบ่งบอกถึงความมั่นใจ เขาง้างฝ่ามือขวาไปข้างหลัง ส่วนฝ่ามือซ้ายยื่นไปข้างหน้า โดยเล็งไปที่ต้นไม้ใหญ่ขนาดสามคนโอบ ดวงตาปิดสนิท คล้ายกำลังตั้งสมาธิ

          

 

         ไม่กี่อึดใจต่อมา ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ ฝ่ามือซ้ายที่ยื่นไปข้างหน้า บังเกิดคลื่นความร้อนสีเขียวรูปทรงกลมขนาดฝ่ามือ ลูกพลังนั้นส่องสว่างแวววาวดูสวยงาม

 

“ ว้าว……. ” เด็กสาวที่ยืนชมอยู่ด้านหลังถึงกับร้องเหวอ

          

 

         ทันใดนั้นเองฝ่ามือขวาที่ง้างอยู่ด้านหลังก็เกิดประกายแสงเจิดจ้า เด็กหนุ่มกำมือข้างนั้นแน่น แล้วต่อยเข้าไปที่ลูกพลังอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องตะโกนดัง

 

“ คลื่นมังกรพิโรธ ”

          

 

        ลูกพลังทรงกลมพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันวิ่งปะทะต้นไม้ใหญ่ พอกระทบถูก ก็เกิดประกายแสงสีเขียวแผ่ไปทั่วลานกว้าง พร้อมเสียงระเบิดดังสนั่นจนพื้นสะเทือน

 

“ เปรี้ยง……. ”

 

“ ว้าย ” เด็กสาวยกมือขึ้นปิดตาและอุทานดังด้วยความตกใจ

         

 

        เขม่าควันแผ่กระจายจนคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ดำรงอยู่ไม่นาน ก็จางหายไป สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือหลุมกว้างประมาณ 3 เมตร รอบข้างปราศจากสิ่งใดโดยสิ้นเชิง

 

“ โห....... สุดยอดไปเลย เธอทำได้ไง ” เด็กสาวลืมตาขึ้น เธอออกอาการอึ้ง

 

“ ฮะๆ ที่ทำได้ เพราะชั้นคือสุดยอด……. ” มาวินยืดอกรับคำชม ขณะที่กำลังปลาบปลื้มยินดี ก็มีชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนปรากฏตัวที่ด้านหลัง ชายร่างใหญ่ผู้ยืนนำ แผดเสียงดังเป็นเชิงท้าทาย

 

“ เฮ้ นายคิดว่าแน่นักรึไง เจ้ามาวิน ”

         

 

        เด็กหนุ่มหัวเขียวหันกลับมามองกลุ่มคนที่เข้ามาคุกคาม เขาประจักษ์ว่าชายฉกรรจ์แต่ละคน ล้วนมีร่างกายที่สูงใหญ่ แข็งแรง แถมยังไว้หนวดเคราจนดูดุร้าย ทุกคนสวมเสื้อดำลายแมวป่า กางเกงยีนส์สีขาว ยูนิฟอร์มคล้ายแก๊งเหล่าร้ายในหนังสือการ์ตูนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

 

“ เหอๆ แล้วพวกนายเป็นใครกันล่ะเนี่ย ” เด็กหนุ่มถามเรื่อยๆ มือขวาเท้าสะเอว ส่วนมือซ้ายแคะขี้มูก ท่าทางดูไม่ใส่ใจ

 

“ พวกเราคือแก๊งแมวป่า ได้ข่าวว่านายแน่มาก ขอดูฝีมือหน่อย ” ชายร่างใหญ่สุดซึ่งคาดว่าเป็นหัวโจก ก้าวออกมาจากกลุ่ม พร้อมกล่าวท้าทาย น้ำเสียงดุดัน

 

“ เฮ้ๆ ผิดแล้ว ชั้นไม่ได้แน่มากอย่างที่พวกนายเข้าใจ ” มาวินส่ายหัว พลางตอบกลับด้วยท่าทีเบื่อหน่าย อาการแบบนี้ทำให้กลุ่มวายร้ายเริ่มยิ้มเยาะเป็นทำนองว่า “ไอ้นี่มันแหยนี่หว่า” แต่ก่อนที่หัวโจกร่างใหญ่จะพูดอะไรต่อ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็ทุบอกตัวเอง พร้อมเชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งผยองจนน่าหมั่นไส้

 

“ จริงๆแล้ว ชั้นน่ะเข้าขั้น......แน่ที่สุดในโลกเลยต่างหาก ”

 

“ หน็อย……. พวกเอ็งไปเอาหัวไอ้เด็กอวดดีมาทีซิวะ ” หัวโจกร่างสูงใหญ่ออกอาการฉุนขาด เขารับไม่ได้กับท่าทางที่ดูมั่นจนเกินเหตุของเด็กหนุ่ม

 

“ ว้าย..... มันจะเข้ามาแล้ว ทำไงดี มาวิน ” เด็กสาวปริศนาร้องถามเสียงหลง

 

“ จุ๊ๆ…… หลบข้างหลังพี่สิ แล้วน้องจะปลอดภัย ” มาวินหันกลับมายักคิ้ว หลิ่วตา พร้อมจุ๊ปากเสียงดัง

 

“ จ๊ะๆ ” เด็กสาวรีบรับคำ เธอแอบไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่าง

      

 

        ทันใดนั้นเองก็มีชายฉกรรจ์นายหนึ่งเล่นทีเผลอ เขาพุ่งเข้ามาประชิดตัว จากนั้นก็ปล่อยหมัดขวาตรงสุดกำลัง แต่เด็กหนุ่มโยกหลบอย่างง่ายดาย พร้อมสวนกลับด้วยการยกเท้าขวาขึ้นสูง

 

“ พลั๊ก ”

        

 

        เท้าข้างนั้นกระทบปลายคางอันเป็นจุดโฟกัสแบบเต็มๆ ทำให้ชายผู้นั้นถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ ก่อนจะร่วงลงไปนอนหมอบกับพื้นอย่างช้าๆ

 

“ อ้าว เฮ้ย โทษที เผลอตอบโต้แรงไปหน่อย ก็นายดันเล่นทีเผลอเองนี่นา เฮ้อ..... ” มาวินเกาหัวแกรกๆพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

“ หน็อย...... มันบังอาจอัดพวกเรา เล่นมันให้น่วมเลย ” ชาวแก๊งที่เหลือร้องลั่น พวกมันรีบกรูเข้ามา เพื่อหวังรุมประชาทัณฑ์ให้จมธรณี

 

“ หึๆ ” มาวินยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น ท่าทางไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อสิ่งใด

        

 

         ทันทีที่เหล่าชาวแก๊งเข้าถึงตัว สามคนแรกก็รุมเข้าไปต่อย หวังให้หน้าหงายในหมัดเดียว ปากก็ส่งเสียงคำรามดัง

 

“ แกตาย ”

        

 

         ชาวแก๊งคิดว่าพวกตนน่าจะอัดเด็กหนุ่มเข้าอย่างจัง แต่กลับพลาดเป้าจนถลาล้มไปทั้งสามคน ส่วนอีกหกคนที่วิ่งตามมา ก็ดันสะดุดร่างชายฉกรรจ์ที่ล้มไปก่อนหน้า สุดท้ายได้ลงไปนอนวัดพื้นกันทั้งแก๊ง

 

“ อ๋อย..... ไอ้เด็กนั่น มันหายไปไหนฟะ ” สมาชิกคนหนึ่งร้องคราง ขณะนี้เขากำลังนอนคว่ำหน้าหมดสภาพ โดยมีกลุ่มเพื่อนชาวแก๊งนอนทับอยู่ด้านบน

 

“ เฮ้ย มันฉากหลบไปทางขวา ” ลูกพี่ใหญ่ประกาศก้อง เพื่อคลายความโง่งมของเหล่าสมุน

       

 

         ชาวแก๊งหันขวับไปทางขวา สิ่งที่ได้เห็นก็คือ......เด็กหนุ่มหัวเขียวที่ยืนยิ้มแฉ่ง เท้าข้างหนึ่งยกขึ้นมาเคาะพื้นด้วยท่าทางที่ดูยียวน

 

“ เฮ้ย มันหายไปตรงนั้นได้ยังไงวะ พวกเราล้อมมันไว้ ” หนึ่งในกลุ่มคนร้องบอกพรรคพวก ทำให้ชาวแก๊งรีบลุกขึ้น แล้วกรูเข้ามารุมล้อม

       

 

         แม้มาวินจะถูกศัตรูปิดทางถอย แต่ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มอยู่ดุจเดิม

 

“ พวกเราล้อมเป็นวงกลม แล้วรุมอัดพร้อมกัน ต่อให้ไวแค่ไหน ก็หลบไม่ได้ ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์บอกแผนจู่โจมในลำดับต่อไป

 

“ ได้เลย ลุย ” ชาวแก๊งรับคำ พวกเขาทะยานเข้าไปโจมตีพร้อมกัน ทุกคนง้างแขนและขามาแต่ไกล เพื่อเตรียมแจกสหบาทา ดูยังไง ก็ไม่เห็นหนทางที่จะหลบเลี่ยง

        

 

           ทว่าเด็กหนุ่มกลับหลบการโจมตีของชาวแก๊งได้อย่างง่ายดายด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ อาวุธต่างๆที่ประเคนเข้ามา หาได้ระคายผิว

 

“ เฮ้ย ทำไมมันเร็วขนาดนี้ฟะ ” ชาวแก๊งบางคนเริ่มบ่น พวกเขาเหนื่อยกับการไล่อัด ไม่ว่าจะต่อยเข้าไปซักกี่หมัด ก็ไม่ถูกกายของอีกฝ่าย ราวกับว่าคู่ต่อสู้เบื้องหน้าเป็นเพียงวิญญาณที่ไร้ตัวตน

        

 

          หลังรุมอัดเด็กหนุ่มจอมพริ้วได้ประมาณ 10 นาที การเคลื่อนไหวของชาวแก๊งเริ่มช้าลง บางคนแอบถอยออกมาหอบเหนื่อย ในที่สุด…ทุกคนก็หยุดโจมตีไปโดยปริยาย

 

“ แฮ่กๆ นี่เราไล่ต่อยลมอยู่รึไง ทำไมอัดมันไม่โดนเลย ” ชาวแก๊งหอบไปบ่นไปกันทุกคน

 

“ เฮ้ ทำไมเหนื่อยง่ายจัง ชั้นกำลังมันกับการโชว์สเต็ปหลบหลีกอยู่เลย ” มาวินเอาสองแขนไขว้ประสานกันที่ท้ายทอย ใบหน้าซูบผอมเอียงเล็กน้อย

 

“ เก่งจริง อย่าเอาแต่หลบสิฟะ โจมตีพวกเราบ้างสิ ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์โต้กลับเสียงกร้าว ท่าทางโมโห

 

“ โห..... ถ้าชั้นโจมตีขึ้นมา พวกนายมีหวังเน่าหมดในทีเดียว แล้วแบบนี้ จะเท่ตรงไหนอ่ะ ” มาวินยักคิ้วหลิ่วตา พร้อมตอบกลับแบบกวนๆ

 

“ โห่..... ไอ้ขี้โม้ เหม็นขี้ฟันว่ะ ที่นายพล่ามมา มันจะเป็นไปได้ยังไง ” ชาวแก๊งโห่ร้องทั่วกัน เพราะหมั่นไส้ในความอวดดีของมาวิน

 

“ พนันกันมั้ยล่ะ ” มาวินร้องท้า

 

“ พนันยังไง ” กลุ่มชายฉกรรจ์ถามเงื่อนไข

 

“ ถ้าทำไม่ได้ ชั้นยอมนอนให้พวกนายกระทืบเล่น ” มาวินแจงอย่างไม่ลังเล

 

“ เฮ..... เอาเลย พวกเราจะได้ไม่ต้องไล่ตามให้เหนื่อยเปล่า ” ทุกคนในแก๊งพากันสนับสนุน แต่ก็มีหนึ่งคนที่พอจะมีไหวพริบ เขาไม่ได้รับคำในทันที แต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงเครียดขึง

 

“ แล้วถ้าพวกเราแพ้ล่ะ ”

 

“ จะไปยากอะไร พวกนายก็ร้อง มอๆ แบบวัวให้ชั้นฟังซักทีนึงก็พอ ” มาวินบอกเงื่อนไขบ้าๆบอๆ

 

“ ฮ่าๆ เงื่อนไขปัญญาอ่อนว่ะ ตกลงเลย พวกข้าอยากกระทืบไอ้เด็กบ้านี่เต็มแก่แล้ว ” ชาวแก๊งส่วนใหญ่ตอบตกลง พลางหัวเราะก๊ากออกมาด้วยความขบขัน

 

“ โอเค ตกลงตามนั้น พวกชั้นจะป้องกันอย่างเดียว เชิญนายโจมตีได้เลย ” ชาวแก๊งเจ้าของคำถามตอบกลับ พร้อมยิ้มเยาะในความติ๊งต๊องของเด็กหนุ่ม

 

“ ดี งั้นเตรียมรับมือ ” เด็กหนุ่มย่อกายลงต่ำ ท่าทางเหมือนเตรียมจะกระโจนเข้าโจมตี

 

“ เฮือก.... ” ชาวแก๊งบางคนถึงกับกลืนน้ำลาย แม้ไม่เชื่อว่าพวกตนจะลงไปนอนกองในหมัดเดียว แต่ก็อดครั่นคร้ามความสามารถของเด็กหนุ่มไม่ได้ ทุกคนจึงยกการ์ดขึ้นมาป้องกันอย่างเต็มที่

 

“ หึๆ ไม่ว่าโจมตีดีแค่ไหน อย่างเก่งก็อัดร่วงได้แค่สองสามคน แกแพ้พนันแน่ เจ้าหนู ” หลายคนในกลุ่มเริ่มยิ้มเยาะ

       

 

         มาวินนิ่ง เพื่อตั้งสมาธิอยู่อึดใจ จากนั้นก็กล่าวเรียบๆ

 

“ เอาล่ะนะ เจอนี่ ความไวแสง ”

       

 

          ทันใดนั้นเองทั่วกายของมาวินก็เปล่งแสงสีขาวออกมา จากนั้นร่างเรืองแสงก็พุ่งแหวกวงล้อมอย่างง่ายดาย โดยที่ทุกคนมองไม่ทัน

 

“ เฮ้ย ไอ้หนูนั่นหายไปแล้ว ” ชาวแก๊งมารู้สึกตัวอีกที เมื่อประจักษ์ว่าเด็กหนุ่มที่อยู่กลางวงล้อมได้หายตัวไป

 

“ อยู่ทางนี้ ” มาวินซึ่งอยู่นอกวงล้อมร้องทัก

       

 

         ชาวแก๊งทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว จึงพบว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวกำลังย่อตัวลงต่ำและง้างหมัดซ้ายขวาไว้ข้างหลัง กำปั้นคู่ส่องประกายสีเขียวอย่างน่าพิศวง

 

“ ท่าไม้ตาย พายุหะนาคา ” เด็กหนุ่มตะโกนลั่น เขาปล่อยหมัดคู่เรืองแสงพร้อมกัน สิ่งที่พุ่งออกมาก็คือ.......คลื่นพลังขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายมังกรนับสิบ

 

“ เหวอ…… ” เหล่าชาวแก๊งอ้าปากค้าง พวกเขาตกใจกับท่าไม้ตายที่เหนือมนุษย์

 

“ ตูม…… ”

       

 

          เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวราวกับโลกจะแตก ควันที่พุ่งออกมาจากคลื่นทำลายล้างฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณจนดูเหมือนทะเลหมอกก็ไม่ปาน

 

“ แค้กๆ ฮัดชิ้ว ” เด็กหนุ่มหัวเขียวผู้ทรงพลังเริ่มไอและจาม เหตุเพราะเขาแพ้ฝุ่น

         

 

        ทันทีที่หัวโจกร่างใหญ่ได้เห็นท่าไม้ตายที่รุนแรง เขาก็ถึงกับหน้าถอดสี ตัวแข็งเกร็งจนแทบขยับไม่ได้ ส่วนเด็กสาวร่างสูงที่ยืนเชียร์อยู่ไม่ห่าง ก็โดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ

 

“ เย้ๆ มาวินโคตรเก่ง โคตรเท่เลย ”

       

 

        มาวินทั้งไอทั้งจามอยู่ครู่หนึ่ง ควันก็สลายไป เหลือไว้เพียงซากมนุษย์กองโต ทว่าชาวแก๊งผู้สุขุมยังสามารถผงกหัวขึ้นมาได้ สิ่งสุดท้ายที่เขาได้กล่าวก่อนสลบก็คือ……

 

“ แกแน่มาก มอๆ ”

 

“ ก็บอกแล้วว่าอย่าให้โจมตี บทตัวประกอบยิ่งมีน้อยๆอยู่ จะรีบตายไปทำไม ” มาวินเชิดหน้า ท่าทางดูเซ็งๆ

        

 

         หลังจากไว้อาลัยให้เหล่าสมุนเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มก็หันกลับมาสนใจหัวโจก ซึ่งบัดนี้ได้แต่ยืนสั่นเป็นเจ้าเข้า สีหน้าฉายประกายหวาดกลัว เหงื่อไหลย้อยลงไปที่แก้มหยาบกร้านสีดำแดง

 

“ ตกลง นายจะเอายังไง จะสู้หรือจะถอย ก็ว่ามา ” เด็กหนุ่มถามยิ้มๆ ท่าทีสบายๆ ราวกับสิ่งที่พูดออกมาเป็นแค่เรื่องขำขันก่อนนอน

 

“ คนอย่างพวกข้ามีหรือจะถอยหนีศัตรู ” หัวโจกร่างยักษ์กัดฟันกรอดใหญ่ เขาข่มความกลัวและเริ่มตั้งกระบวนท่า

 

“ ดีมากที่สู้ต่อ เพราะเมื่อกี้ชั้นยังสนุกไม่พอเลย ” มาวินยิ้มรับ พร้อมตั้งท่าสู้บ้าง

       

 

          ทั้งสองประจันหน้ากัน หัวโจกตั้งกระบวนท่าแบบรัดกุม สองแขนที่ล่ำสันยกการ์ดขึ้นสูง เพื่อปิดร่างกายช่วงบนเอาไว้แน่น หน้าตาเคร่งเครียด ผิดกับมาวิน ที่ตอนนี้กระโดดไปซ้ายทีขวาทีอย่างสนุกสนาน ราวกับกำลังเที่ยวชมสวนสนุกที่แสนสุขสันต์

         

 

         เด็กหนุ่มกระโดดไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยุดนิ่ง พร้อมร้องเตือนคู่ต่อสู้ด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

 

“ ไปล่ะนะ ”

       

 

          สิ้นคำ มาวินก็กระโดดเตะก้านคอ หวังน็อคในทีเดียว ทว่าหัวโจกร่างใหญ่กลับไม่ช้าอย่างที่คิด เขายกแขนขึ้นบล็อก จากนั้นก็สวนกลับด้วยหมัดขวา หวังอัดลำตัวที่บอบบางของเด็กหนุ่ม

        

 

         เหตุการณ์จวนตัวจนหลบไม่ทัน มาวินจึงต้องยกขาข้างหนึ่งขึ้นยันหมัด จากนั้นใช้แรงส่ง ถีบตัวตีลังกาถอยหลังลงมาหยุดยืนอย่างสวยงาม

       

 

         ทั้งคู่จ้องมองกันเอง ดูเหมือนว่าคราวนี้ มาวินจะยิ้มน้อยลง เนื่องจากรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้เบื้องหน้าไม่ใช่หมูในอวยอย่างที่เข้าใจ ปากก็กล่าวชมเชย

 

“ นายตัวใหญ่ก็จริง แต่ปฏิกิริยาไวมาก ครั้งแรกสามารถรอดจากการเตะของชั้นได้ แล้วครั้งที่สองล่ะ ” มาวินพูดจบ ร่างของเขาก็หายไป

 

“ เฮ้ย ” หัวโจกตกใจ แต่ด้วยไหวพริบและประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชน จึงสัมผัสได้ถึงแรงลมทางด้านขวา เขาจึงฉากหลบไปทางซ้ายเล็กน้อย

 

“ ฟุบ ”

        

 

         แรงลมที่พุ่งปะทะก็คือหมัดของมาวิน ถึงกำปั้นนั้นจะจั่วลม แต่เขาก็ยังพุ่งเข้าประชิด พร้อมปล่อยหมัดชุด ทว่าหัวโจกก็ชำนาญยุทธ์พอที่จะยกสองแขนขึ้นปัดป้อง

 

“ เปรี้ยง ผั้ว พลั๊ก ตุบ ตั้บ ”

        

 

         แม้หัวโจกจะชำนาญยุทธ์ปานใด แต่ก็มีบางหมัดที่ผ่านการ์ดเข้าไปอัดตามจุดต่างๆของร่างกาย ถึงกระนั้นนักเลงจ่าฝูงก็ยืนเฉย ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร เด็กหนุ่มรัวหมัดใส่อยู่ร่วมนาที ก็ถอยฉากออกมาตั้งหลัก

 

“ ฟู่….. นายนี่เก่ง สมกับเป็นหัวหน้าคนจริงๆ ชั้นรัวหมัดใส่ไปสิบกว่ากระบวน ยังยืนอยู่ได้ แถมยังตั้งรับได้อย่างรัดกุม ฝีมือดีเลยนะเนี่ย ” เด็กหนุ่มเริ่มหุบยิ้ม พลางเป่าปากระบายความร้อน

 

“ เจ้าหนู แกเองก็หมัดไวไม่ใช่ย่อย มีหลายหมัดที่ผ่านการป้องกันเข้ามาได้ มีไม่กี่คนหรอกที่ทำได้ขนาดนี้ ” หัวโจกยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวชมเด็กหนุ่มบ้าง

 

“ อืม...... ว่าแต่นายทนหมัดของชั้นได้ยังไง พลังของมันแรงถึงขั้นต่อยต้นไม้ทะลุได้เลยนะ ” มาวินถาม สีหน้าฉายแววสงสัย

 

“ ฮ่าๆ เจ้าหนู นายรู้จักวิชาร่างคงกระพันมั้ย ” หัวโจกหัวเราะร่า พลางยืดอกโอ้อวด

 

“ ไม่รู้จักหรอก นายใช้วิชานี้อยู่รึ ” มาวินถามยิ้มๆ

 

“ ใช่ ข้าฝึกวิชานี้จนสำเร็จถึงขั้นสุดยอด แม้แต่กระสุนปืนยังเจาะผิวหนังไม่เข้า ” หัวโจกคุยฟุ้ง ท่าทางดูภาคภูมิใจในวิชาของตัวเอง

 

“ ฮะๆ ก๊าก…… ” พอจบประโยค มาวินก็ลงไปกลิ้งเกลือกกับพื้น พร้อมหัวเราะออกมาอย่างหนักหน่วงราวคนเสียสติ

         

 

        หัวโจกมองสภาพกึ่งบ้ากึ่งบวมด้วยอารมณ์เดือดดาล เหมือนกับว่าเด็กหนุ่มไม่ให้เกียรติเขาเลย จึงตะโกนถามเสียงกร้าว

 

“ แกหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังทำไมฟะ ”

 

“ เอิ้กๆ ก็หัวเราะกบในกะลาอย่างนายอ่ะดิ ฮะๆ ” เด็กหนุ่มยังคงพูดไปหัวเราะไป

 

“ ที่ว่ากบในกะลา หมายความว่าไง ” หัวโจกถามเสียงขุ่น

 

“ ก็หมายความว่า…..แม้ร่างกายของนายจะทนกระสุนปืนได้ แต่ก็ทนหมัดของชั้นไม่ได้ ถ้าเอาจริง มันน่าจะรุนแรงพอๆกับปืนใหญ่ ฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ราวกับเรื่องที่พูดไม่สลักสำคัญอันใด

 

“ บ้าน่า ในโลกนี้ ไม่มีใครต่อยได้หนักขนาดนั้นหรอก ข้าไม่เชื่อ ” หัวโจกร่างใหญ่ตวาดก้อง

 

“ งั้นมาลองของกัน ชั้นขอต่อยแค่ทีเดียว เชื่อว่าล้มนายได้แน่ ” มาวินยิ้มกริ่ม พลางยื่นข้อเสนอ

        

 

         หัวโจกยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามเรียบๆ

 

“ แล้วถ้าแกทำไม่ได้ล่ะ ”

 

“ ชั้นจะยอมลดตัวเป็นลูกน้องนาย ” มาวินตอบแบบไม่ต้องคิด

 

“ อืม…….” หัวโจกกุมขมับ ท่าทางคิดหนัก ไม่นานนัก ยักษ์ใหญ่ก็ร้องบอก

 

“ โอเค ตกลงตามนั้น ” ยักษ์ใหญ่ยื่นมือไปข้างหน้า เจตนาคล้ายจะขอตบมือเป็นสัญญาลูกผู้ชาย

 

“ ได้เลย ชั้นก็ตกลงตามนั้นเหมือนกัน ” มาวินตบมือตอบ

        

 

           มาวินถอยหลังไปสองก้าว พร้อมเอ่ยถามนิ่มๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแบบคนอารมณ์ดี

 

“ พร้อมรึยัง เจ้ายักษ์ ”

 

“ แผล็บนึง ” หัวโจกร้องตอบ หลังจากนั้นเขาก็ก้มตัวลงเล็กน้อย พร้อมทำท่าเบ่งพลัง สองมือกำแน่น เส้นเลือดทั่วร่างเริ่มปูดโปน ผิวกายที่ดำแดงกลับกลายเป็นขาวซีด ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเหล็ก วินาทีต่อมายักษ์ใหญ่ก็ยืดกายเต็มส่วนสัด ปากร้องคำรามดังจนก้องไปทั่วบริเวณ

 

“ อ้า……. ”

         

 

          ทันใดนั้นเอง เสื้อแขนกุดที่หัวโจกสวมใส่ก็ขาดออก ราวกับถูกฉีกกระชากด้วยมือที่มองไม่เห็น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อทั่วร่าง อันดูไม่ผิดไปจากยักษ์เขียวจอมพลังในมาร์เวล เพียงแต่ผิวกายเป็นสีเทา

 

“ ว้าว….. เจ๋งโคตรๆ ดูนายตัวใหญ่ขึ้นนะ แถมผิวยังกลายเป็นสีเทาอีก สุดยอด ” เด็กหนุ่มอุทานดังด้วยความตื่นเต้น

 

“ นี่ไง ร่างคงกระพันขั้นสูงสุด ต่อยเข้ามาได้เลย เวลานี้ ต่อให้กระสุนปืนใหญ่ ข้าก็ไม่กลัว ฮ่าๆ ” หัวโจกร่างใหญ่หัวเราะร่าด้วยอาการลำพอง

 

“ หึๆ อย่าได้ใจไปนัก ” มาวินหัวเราะเบาๆ เขาเดินเข้าไปหาอริร่างยักษ์อย่างช้าๆ พอประชิดตัว เด็กหนุ่มก็กดฝ่ามือขวาลงไปที่แผงอกแกร่ง

 

“ ฮ่าๆ แกกลัวจนไม่กล้าต่อยเลยรึ ไอ้หนู ฝ่ามือเบาๆแบบนั้น จะทำอะไรข้าได้ ” หัวโจกยังหัวเราะก้องอยู่ดุจเดิม

 

“ ใจเย็นๆ แล้วดูนี่ให้ดี อึ้บ ” มาวินตอบกลับด้วยเสียงที่แผ่วเบา แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากฝ่ามือ พริบตาต่อมา แสงก็จางหายไป พร้อมการหันหลังให้ของเด็กหนุ่ม

 

“ อ้าว.... เฮ้ย เอาฝ่ามือมาแปะ แล้วเดินจากไป แกยอมแพ้แล้วรึ ไอ้หนู ” หัวโจกทำหน้างง

 

“ แกแพ้แล้ว อีกเดี๋ยวจะล้มลงไปนอนกองกับพื้นและหมดสติ ” เด็กหนุ่มพูดจบ เขาเดินจากไป โดยไม่สนใจหัวโจกเลย

 

“ ฮ่าๆ พูดอะไรบ้าๆ แค่ฝ่ามือกระจอก จะทำอะไรข้าได้ อุ้บ อั้ก..... ” หัวโจกเย้ยต่อไม่กี่คำ เขาก็กระอักด้วยความเจ็บปวด สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับจะตายซะให้ได้ ซักพักร่างกายใหญ่โตก็เริ่มโงนเงน

 

“ ครอก……. ”

       

 

         สิ้นเสียงครอก ร่างใหญ่ยักษ์ก็ล้มคว่ำลงกับพื้นอย่างรุนแรงและหมดสติในทันที ตามคำทำนายของเด็กหนุ่มหัวเขียว

       

 

        มาวินเดินเข้าไปหาเด็กสาวปริศนา ซึ่งบัดนี้จ้องมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย พอเด็กหนุ่มมาถึง เธอก็โผเข้ากอดในทันที พร้อมร้องตะโกนด้วยความดีใจ

 

“ เย้ๆ นายวินชนะแล้ว เก่งที่สุดในโลกเลย ”

 

“ เฮ้ๆ เดี๋ยว เมื่อกี้เธอเรียกชั้นว่าไงนะ ” แม้มาวินจะยินดีที่ชนะศึกอย่างสวยงาม แต่เขาก็ตงิดใจกับคำสรรพนามที่เด็กสาวปริศนาใช้เรียก เขาดึงจึงตัวออก แล้วจ้องหน้าคู่สนทนาแบบไม่วางตา

 

“ ก็นายวินไงเล่า ฟังไม่ผิดหรอก ” เด็กสาวยิ้มใส

 

“ เอ..... คนที่เรียกชั้นแบบนี้มีแค่คนเดียว อย่างนี้ก็แปลว่าเธอคือ…..” มาวินทำหน้าเหลอหลา ในใจนึกลุ้นตัวโก่ง

 

“ ใช่ ชั้นคือ….จัน เพื่อนของเธอไง ชั้นตามเข้ามาช่วย ตอนนี้น้าเดชหาทางได้แล้ว ” เด็กสาวปริศนาเฉลยตัวตนที่แท้จริง พร้อมยิ้มกว้าง

       

 

        สิ่งนี้นับเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตของมาวินเลยก็ว่าได้ เด็กหนุ่มสามารถฝึกวิชาจนเก่งขั้นเทพภายในหนึ่งเดือน แถมเด็กสาวที่คอยช่วยเหลือก็คือ จัน เพื่อนสาวคนสนิท มิหนำซ้ำเธอยังมาแจ้งข่าวว่าเขาสามารถออกจากโลก The Dark World ได้ ถ้าไม่ดีใจตอนนี้ ก็ไม่รู้จะดีใจตอนไหนแล้ว

 

“ เย้ๆ ย้าฮู้....... ” เด็กหนุ่มหัวเขียวกระโดดโลดเต้นสลับกับตีลังกาไปมานับสิบตลบ บางครั้งก็หมุนกายกลางอากาศคล้ายคนสติแตก ส่วนเด็กสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ร่วมแสดงความดีใจด้วยการตบมือ

        

 

         วัยรุ่นทั้งสองดีใจอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเด็กหนุ่มก็เริ่มสงบสติอารมณ์และเอ่ยถามถึงหนทางที่จะออกจาก The Dark World

 

“ แล้วพวกเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง ”

 

“ วิธีออกนั้นง่ายมาก เราก็แค่……. ” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะอ้าปากพูด

 

“ อะไร ว่ามาเลย ” เด็กหนุ่มจ้องเขม็ง หูกางขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะตั้งใจรับฟังชนิดไม่ให้หลุดลอดแม้แต่คำเดียว

        

 

          ทันใดนั้นเอง ฟ้าที่เคยสดใสก็ปรากฏเมฆหมอกอย่างกะทันหัน

 

“ เฮ้ย นี่มันอะไร ” เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา เขารู้สึกงงกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ส่วนเด็กสาวที่ยืนข้างๆก็ดูวิตกกังวล

 

“ คลืน...... ” บังเกิดเสียงฟ้าคำรามก้อง มันรุนแรงราวกับโลกถล่ม เด็กวัยรุ่นทั้งสองถึงกับสะดุ้งตกใจพร้อมกัน

 

“ ฮะๆ สงสัย ฝนจะตก ” มาวินหัวเราะแห้งๆ ปากก็กล่าวปลอบใจตัวเอง

 

“ ฮะๆ นั่นน่ะสิ หลบฝนก่อนมั้ย ” จันตอบ พร้อมหัวเราะแห้งๆเช่นกัน

 

“ อนุมัติ ไปกันเถอะ ” มาวินตอบตกลงในทันที เพราะที่โล่งแจ้งแบบนี้ มันเหมาะกับการเป็นเป้าของสายฟ้า

       

 

         จันเดินนำมาวินไปยังถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง เพื่อหลบฝน ระหว่างที่วัยรุ่นทั้งสองเดินตามกันมา ก็ปรากฏเสียงฟ้าคำรามที่รุนแรง

 

“ เปรี้ยง…… ”

        

 

           สายฟ้ารูปร่างคล้ายมือคนพุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้าใส่มาวินแบบเต็มๆ สิ่งที่เกิด ทำให้จันตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา

 

“ ว้าย....... นายวิน ” 

 

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา