The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  139.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) วิชาลึกลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
เครดิตภาพจาก  https://wallpaperaccess.com
 
       ทั้งสองฝ่ายดูตึงเครียด แต่ทางด้านเด็กสาวร่างสูงน่าจะซีเรียสกว่า เพราะกาสเซ่มองออกถึงจุดอ่อน มาเฟียกอริลลาจึงไม่ปล่อยโอกาส เขาพุ่งเข้าใส่ พร้อมปล่อยหมัดรัวสุดกำลัง 
 
“ ย่ะ ย่ะ ย่ะ...... ”  ทุกหมัดที่ปล่อยออกมา ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ทว่าเด็กสาวก็ยังพริ้วหลบได้ทุกดอก 
       
 
        พายุหมัดของมาเฟียร่างยักษ์โหมเข้าใส่เด็กสาวร่างสูงอย่างต่อเนื่อง เธอไม่อาจตอบโต้ ทำได้เพียงหลบหลีก ทว่ายอดกังฟูสาวหลบได้ไม่นาน ก็เริ่มอ่อนแรง ทำให้ความเร็วตกลง จึงต้องยกสองแขนขึ้นมาป้องกันในบางหมัด
 
“ ฮะๆ มันเริ่มหลบไม่ทันแล้ว ดีล่ะ ” กาสเซ่เห็นเด็กสาวเริ่มช้าลง เขาจึงรัวหมัดให้เร็วและแรงขึ้นไปอีก 
 
“ ปึก ปึก ปึก...... ” 
      
 
        กำลังของเด็กสาวถดถอยจนถึงขั้นหลบหลีกไม่ได้ เธอทำได้แค่ป้องกัน เพื่อไม่ให้การจู่โจมอันดุดันกระทบถูกจุดสำคัญของร่างกาย 
 
“ ฮ่าๆ เป็นไง ยัยหนูกังฟู อย่างแกต้องเจอนี่ เพลงหมัดอสูรครวญ ” กาสเซ่พูดจบ ก็ง้างมือขวาไปด้านหลัง จากนั้นก็ทะลวงหมัดใส่เด็กสาวสุดแรงเกิด กำปั้นพุ่งแหวกอากาศ แถมหมุนควงคล้ายสว่านขนาดยักษ์ 
 
“ ตูม....... ” 
       
 
        เสียงปะทะดังสนั่นลั่นป่า ร่างสูงเพรียวของเด็กสาวลอยละลิ่วและร่วงล้มลงไปกองกับพื้น
        
 
        กาสเซ่เหลือบแลร่างสูงเพรียวที่นอนแน่นิ่ง กายใหญ่โตล่ำสันสะท้านเล็กน้อย เพราะอาการหอบ เขาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มานานแล้ว นับว่าเด็กสาวยอดกังฟูเป็นคู่ต่อสู้ที่หินอันดับต้นๆ
 
“ เฮ้อ..... เสียดายที่ต้องมาตายแบบนี้ ” กาสเซ่ถอนหายใจยาว เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากหมัดสั่งตายที่เพิ่งปล่อยออกไป
       
 
        ขณะที่กาสเซ่กำลังจะนั่งพักเหนื่อย เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบใหญ่ จึงรีบหันกลับมา สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือร่างสูงเพรียวของเด็กสาวที่ยืนโงนเงนไปมา ราวกับคนเสียศูนย์ ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยฟกช้ำ มีแผลแตกตรงปลายคิ้วและมุมปาก ทว่าดวงตายังคงเปล่งประกายแรงกล้าดุจเดิม
 
“ พอเถอะน่า นังหนู ข้ารู้ว่าแกใจสู้ เลิกแล้วต่อกัน คราวหน้าค่อยมาสู้กันใหม่ ” กาสเซ่เปิดช่องให้ถอย 
        
 
         เด็กสาวไม่ตอบประการใด เธอตั้งกระบวนท่า เพื่อสู้ต่อ การกระทำเช่นนี้ใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี 
 
“ อืม.... ในเมื่อจะสู้ต่อให้ได้ ข้าคงต้องล้มแกล่ะ ” กาสเซ่ไม่มีทางเลือก เขาเลยต้องตั้งกระบวนท่า เพื่อปิดฉากการต่อสู้
       
 
        ระหว่างนั้นเอง กาสเซ่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงร้องทักเสียงหลง 
 
“ เฮ้ย ข้าจำได้แล้วว่าสามพิฆาตสุดยอดที่แกใช้ล้มเจ้าอ้วน เป็นกระบวนท่าของสำนักไหน..... ”  
      
 
         เหมือนเด็กสาวจะไม่ต้องการให้กาสเซ่พูดต่อ เธอจึบรีบรุกเข้าไปเตะซ้ายสลับขวาอย่างรวดเร็ว ทำให้มาเฟียร่างยักษ์ได้แต่ตั้งรับเป็นพัลวัน 
       
 
        แม้ลูกเตะที่ไวราวปืนกลจะทะลวงผ่านการปัดป้องของกาสเซ่ได้บางดอก แต่ไม่อาจทำให้หัวหน้าโจรบาดเจ็บ เพราะร่างเหล็กที่คุ้มกายนั้นแข็งแกร่งเกินไป 
 
“ หน็อย..... นังหนูคนนี้ ” กาสเซ่ถึงกลับเดือดดาลที่โดนรุกไล่อยู่ฝ่ายเดียว เขาจึงสวนกลับด้วยการต่อยอย่างบุ่มบ่าม
       
 
        จังหวะที่หมัดเหล็กจะพุ่งอัดลำตัวของเด็กสาว เธอเลิกใช้เพลงเท้าและกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด ร่างสูงเพรียวลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะโถมเข้าใส่ด้วยกระบวนท่า......... 
 
“ แมวป่าขย้ำเหยื่อ ”  
       
 
         กรงเล็บของแมวป่าถูกเปลี่ยนให้เป็นศอกสั้น เป้าหมายคือแสกหน้าของกาสเซ่
 
“ ปัง ” 
       
 
         เสียงปะทะดังสนั่นจนน่าหวั่นไหว สำหรับการโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดา มีหวังหัวแบะเป็นอย่างน้อย แต่ทว่า…….. 
       
 
          กาสเซ่กลับยิ้มกว้าง คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างเหล็กน่าจะครอบคลุมไปทุกส่วนของร่างกาย ทันใดนั้นเอง สองแขนล่ำสันก็รวบเอวบางของเด็กสาว
 
“ ฮ่าๆ การโจมตีเพียงเท่านี้ ทำอะไรร่างเหล็กของข้าไม่ได้หรอก เตรียมเจอท่าไม้ตาย "อ้อมกอดหมีดำ" กระบวนท่านี้สามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่หักกลางได้เลย ” กาสเซ่คุยข่มขวัญ แต่เหมือนจะไม่คุยเปล่า แรงบีบรัดจากสองแขนเริ่มเพิ่มพูนจนทำให้เด็กสาวรู้สึกอึดอัด 
        
 
         สถานการณ์ของเด็กสาวร่างสูงใกล้วิกฤติเต็มที กาสเซ่ก้มลงมอง เพื่อหวังจะเห็นแวววิงวอนจากยอดกังฟูสาว ทว่ากลับเห็นแต่รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ภาพที่ประจักษ์ ทำให้ขนทั่วกายลุกชูชันด้วยความหวาดกลัว
       
 
        ทันใดนั้นเอง เด็กสาวก็เอื้อมมือมาแตะที่แผงอกหนาๆของกาสเซ่ จากนั้นก็เกร็งกำลังทั่วร่าง พร้อมร่ำร้องออกมาจนสุดเสียง 
 
“ ฮ่า.......... ”  
       
 
        สิ้นเสียงร้อง กาสเซ่รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างพุ่งออกมาจากฝ่ามือ มันทั้งร้อนผ่าวและหนักหน่วง ทำให้มาเฟียร่างยักษ์รู้สึกมึนงงและสิ้นเรี่ยวแรง สองแขนที่โอบรัดเริ่มคลายตัวจนยอดกังฟูสาวหลุดจากวงแขน
       
 
        วินาทีต่อมา ร่างสูงใหญ่ของกาสเซ่ก็หงายหลังล้มลงไปโครมใหญ่จนพื้นดินสะเทือน ดวงตาเบิกโพลงและเหลือกลาน บ่งบอกว่ามาเฟียร่างยักษ์น่าจะสลบเป็นที่เรียบร้อย 
       
 
         หลังหลุดจากกระบวนท่า เด็กสาวร่างสูงก็ยืนเซอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทรุดลงนั่งคุกเข่า เธอเริ่มกระอักลิ่มเลือดสีดำคล้ำออกมา ใบหน้าซีดเผือด คล้ายคนที่กำลังจะเป็นลม
 
“ ไม่น่าฝืนใช้ฝ่ามือมังกรทองเลย ไม่มีทางเลือก มีแต่ท่านี้เท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านเกราะเหล็กของมันได้ ” เด็กสาวร่างสูงรำพึงรำพันกับตัวเอง รอบตัวมีแต่ซากมนุษย์นับสิบที่นอนสลบไสลอยู่
 
.........................
 
        มาวินรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ บรรยากาศรอบกายกำลังเย็นสบาย เมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่ารอบข้างเป็นทะเลหมอกที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตา ดวงตาเรียวเล็กกระพริบถี่ พลางนึกทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายตลบ 
 
“ เอ๋…..นี่เราตายไปแล้วรึไง หรือว่านี่จะเป็นความฝัน ” 
 
“ ไม่ใช่ทั้งความฝันและโลกหลังความตาย ” เสียงห้าวๆของเด็กสาวนางหนึ่งดังมาจากด้านหลัง มันเป็นกระแสที่เด็กหนุ่มคุ้นเคย 
         
 
         เด็กหนุ่มหัวเขียวรีบหันกลับมามอง บุคคลที่พบในยามนี้ ทำให้เขารู้สึกตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน คนผู้นั้นก็คือ...... จัน เพื่อนสาวคนสนิท
 
“ นี่........เธอ........มาได้ยังไง ชั้นฝันอีกแล้วหรือนี่ ” เด็กหนุ่มกล่าวตะกุกตะกัก เขาไม่แน่ใจว่าจันที่เห็นในตอนนี้ คือตัวจริงหรือเป็นเพียงมโนภาพในความฝัน 
 
“ ฮะๆ ไม่ใช่ฝันหรอกน่า เจ้าบ้า ” เด็กสาวหัวเราะร่าเริง สีหน้าท่าทางแบบนี้ เป็นสิ่งที่มาวินไม่ค่อยจะได้เห็น ถึงกระนั้น มันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเขินจนใบหน้าเล็กๆเริ่มแดงซ่าน
 
“ ยัยจันทำท่าทางแบบนี้ได้ด้วยหรือ น่ารักเป็นบ้าเลย ” เด็กหนุ่มแอบชื่นชม ทันใดนั้นเอง เขาก็พบกับ....... 
 
“ โป๊ก ” 
        
 
         มะเหงกก้อนโตกระทบเข้าไปที่กลางกระบาลของมาวิน พร้อมเสียงตวาดแว้ด 
 
“ ก็ชั้นเป็นผู้หญิงนี่นา ชั้นทำท่าทางแบบนี้ มันผิดตรงไหน เจ้าบ้า ” แม้จันจะต่อว่า แต่ใบหน้าของเธอกลับแดงระเรื่อ
 
“ โอ๊ย.... ” เด็กหนุ่มกุมศีรษะ พลางคิดในใจ 
 
“ ยัยจันรู้ได้ยังไง ว่าเราคิดอะไร ” 
 
“ เจ้าโง่เอย ในโลกแห่งนี้ ไม่มีความในใจหรอกนะ ” จันตอบกลับห้วนๆ ท่าทางเหมือนจะงอนนิดๆ เพราะหางเสียงดูสะบัดอยู่เล็กน้อย 
 
“ โลกนี้ ตกลง ที่นี่คือโลกไหน ” มาวินถามต่อ ท่าทางมึนงง 
 
“ ที่นี่คือโลกแห่งความฝัน เป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เราติดต่อกันได้ ตอนนี้ทั้งชั้นและน้าเดชกำลังหาทางช่วยอยู่ นายต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ” เด็กสาวกล่าวแผ่วเบา สีหน้าท่าทางดูห่วงใย 
 
“ อือ......” มาวินรับคำเบาๆ แต่สายตากลับมองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ ตนกำลังอยู่ในท่านอนหงาย ที่สำคัญ เขากำลังหนุนตักจันอยู่ 
 
“ เออ......คือ......ว่า.....เอ๊ะ.....เดี๋ยวนะ.....มะ.....เมื่อกี้ชั้นเพิ่งยืนอยู่นี่นา ” มาวินรู้สึกงง เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง จึงขยับตัวหนี แต่ไม่ว่าพยายามยังไง เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถกระดิกกาย
 
“ ไม่ต้องเขินหรอก เจ้าบ๊อง อีกเดี๋ยว เราก็จะจากกันแล้ว ” เด็กสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย คล้ายกำลังปิดบังความโศกเศร้าที่เอ่อล้นอยู่ภายใน 
 
“ อ้าว.....แล้วจะจากกันทำไม เธอก็มากับชั้นดิ ” มาวินทักท้วง 
 
“ ไม่ได้หรอก ตอนนี้เราอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน ” เด็กสาวปฏิเสธ น้ำเสียงเศร้าสร้อย
 
“ แล้วเมื่อไหร่ เราจะได้พบกันอีก ” เด็กหนุ่มถามกลับ ท่าทางร้อนใจ 
 
“ เราจะได้พบกัน ในตอนที่นายจัดการเรื่องราวบนโลก The Dark World จนเสร็จ เพราะนั่นคือชะตาชีวิตของนาย ” จันตอบกลับ รอยยิ้มเศร้าๆปรากฏบนใบหน้า
 
“ ไม่เอา...... ชะตาชีวิตบ้าบออะไร ไม่เอาทั้งนั้น ชั้นต้องการแค่กลับบ้าน เล่นเกม เล่นสเก็ตบอร์ด และ…….อยู่กับเธอ ” มาวินโวยวายอย่างบ้าคลั่ง 
 
“ ไม่เอาน่า ใจเย็นๆ ไม่ได้ไปแล้วไปลับซักหน่อย ไม่นานเราจะได้พบกันอีก ” ทันทีที่จันพูดจบ ร่างของเด็กสาวก็เริ่มเลือนหายไปทีละนิด 
 
“ ไม่...... อย่าไปนะ…จัน ไม่นะ ” มาวินร้องละล่ำละลัก น้ำน้อยๆจากดวงตาเริ่มหลั่งไหล 
 
“ ฮะๆ ถึงจะเศร้าที่ต้องจากลากันชั่วคราว แต่ชั้นก็ดีใจอยู่อย่างหนึ่ง ” ภาพเด็กสาวกำลังจางลงเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามส่งยิ้มที่ดูฝืนๆ 
 
“ ดีใจบ้าบออะไร ไม่เอา ไม่ไปไหนทั้งนั้น อย่าไปนะ…” มาวินโวยวาย เขาพยายามไขว่คว้ากายของเด็กสาว แต่ก็ไร้ผล ราวกับภาพเลือนรางที่เห็นตรงหน้า เป็นเพียงอากาศธาตุ 
 
“ ดีใจที่…..มีคนคอยดูแลนาย ” เด็กสาวยิ้มเศร้าๆ ในตอนนี้กายสูงเพรียวเหลือเพียงเงาจางๆ
 
“ ไม่มีใครดูแลได้ดีเท่าเธอหรอก ถ้าชั้นเกิดบ้าบอหรืองี่เง่าที่นี่ ใครจะคอยช่วยดัดนิสัยเล่า ยัยบ้า ” มาวินร้องค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย 
 
“ โชคดี แล้วพบกันใหม่ รักษาตัวด้วย ” คำพูดสุดท้ายของเด็กสาวดังก้อง ราวกับเสียงเอคโค่ จากนั้น ทุกสิ่งก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น
       
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียน ดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา