Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) Trap Evil : 06

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 


06


 

 

“ฉันมาอยู่นี่ได้ไง”


ฉันถามในคำถามที่ควรจะถามไปตั้งนานแล้วหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ แถมฉันยังไม่ด้วยรู้ว่าตอนนี้ฉันอยู่ส่วนไหนของใบนี้ 


“ฉันอุ้มมา”


ผู้ชายคนนั้นตอบแล้วลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พอเขาพ้นควันบุหรี่ออกมาเท่านั้นแหละ ฉันต้องไอออกมาทันทีด้วยความสำลัก ฉันก็เคยบอกไปแล้วไงว่าฉันแพ้บุหรี่และแอลกอฮอล์มาเจอเข้ากับควันแบบนี้ ไม่ตายก็บุญโขแล้ว


“คุณช่วยไม่สูบได้ไหม ฉันแพ้บุหรี่”


ฉันบอกเขาไปหลังจากที่ไอติดกันถี่ๆ จนตอนนี้หน้าฉันเริ่มแดงก่ำขึ้นมาหลังจากทีไ่อออกมาแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นเขาจะพึ่งสังเกตเห็นฉันเขาเเลยทำหน้าตกใจ แล้วก็โยนบุหรี่ลงบนแจกันดอกไม้ที่มีน้ำอยู่ทันที ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วใช้เสื้อพัดควันบุหรี่ที่ลอยคลุ้งอยู่เต็มห้องจนหายไปหมด


“เอ่อ”


ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดอะไรต่อไปดี นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่คนอย่างฉันคนนี้จะหาคำพูดให้ตัวเองไม่เจอ ฉันเลยมองไปที่เขาคนนั้นที่ฉันยังไม่ทราบชื่อสักพักแล้วก็รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาแปลกๆ ก็หมอนั่นกำลังยืนถอดเสื้ออยู่นี่นา ใครมันจะไม่ตื่นเต้นบ้างละถ้ามาเจอกับผู้ชายหุ่นล่ำๆแบบนี้ยืนเปลือยอยู่


“ไอ้เตชินณ์ให้เธอมา”


จู่ๆผู้ชายคนนั้กน็เอ่ยชื่อของแฟนเพื่อนสนิทฉันขึ้นมา และมันก็ทราบความมึนงงให้ฉันอยู่ไม่น้อย 


“เตชินณ์”


เตชินณ์เป็นคนเอาฉันให้เขามาเหรอ ทำไมเขาต้องทำกับฉันแบบนี้ ฉันจำตอนสุดท้ายก่อนที่ฉันจะสลบไปไม่รู้ว่าเตชินณ์เอาอะไรให้ฉันดื่มฉันว่าเป็นเหล้าแน่เลย เพราะมิลาเคยบอกเตชินณ์ว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์แล้วเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรนะ


“มันติดหนี้พนันฉัน”


“แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย”


ฉันถามไปแล้วก็คิดว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่คิดยังไงฉันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเตชินณ์เลยนี่นาปกติก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายอยู่แล้ว แล้วเขาเอาฉันมาข้องเกี่ยวกับเรื่องบ้าอะไรแบบนี้ด้วยเนี้ย


“ฉันจะไปรู้เหรอ มันให้มาฉันก็รับๆไปกลัวเสียน้ำใจ”


ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วก็ยิ้มกรุ่มกริ่มส่งมาให้ฉัน เขาเป็นอะไรของเขา จู่ๆก็ยิ้มหรือว่าเขาจะเป็นพวกสติไม่ดี แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะฉันควรห่วงตัวเองก่อนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า


“แล้วเมื่อคืน…”


“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอหรอก ไม่ต้องห่วงฉันมีอะไรกับท่อนไม้ไม่ลงจริงๆ”


ก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยคผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันก็กล่าวตัดบทไปซ่ะก่อน ฉันไม่ได้คิดจะถามเรื่องนั้นเลยเขาพูดอะไรของเขา ทะลึ่งชะมัด


“เปล่าฉันแค่จะถามว่า เมื่อคืนฉันนอนดิ้นไหม พันแสงชอบบ่นตลอดเลยว่าฉันนอนดิ้น”


ตายแล้วเผลอพูดเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟังอีกแล้ว ทำไมฉันถึงได้เป็นคนนิสัยแบบนี้กันนะ มันคงแก้ไม่หายจริงๆนั่นแหละ แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังด่าตัวเองอยู่ในใจอยู่นั้น จู่ๆผู้ชายคนนั้กน้เงียบไปก่อนที่ใบหน้าของผู้ชายคนนี้เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นใบหน้าที่เริ่มเครียดขรึมแทน เป็นอะไรไปอีกน่ะเมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย


“คุณเป็นไรอ่ะ ทำหน้าเครียดๆ”


ฉันไม่ได้ทำเพียงแค่พูด เนื่องจากว่ามันเป็นความเคยชินที่ฉันมักทำกับพันแสงบ่อยๆมันเลยทำให้ฉันเผลอเอื้อมมือไปจับใบหน้าของเขาอย่างลืมตัว และสิ่งที่ฉันได้ตอบแทนกลับมาก็คือเขาคนนั้นที่เป็นเจ้าของใบหน้าที่ฉันกำลังจับอยู่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าฉันเขม่ง ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะถึงจ้องหน้าฉันแบบนี้ ฉันเลยรีบเอามือออกเพราะคิดว่ามันไม่ควรแต่ทันทีที่ฉันชักมือออกคนตรงหน้าก็จับมือฉันไปวางไว้ที่เดิมแล้วก็หลับตาลง


“ฉันชอบที่เธอทำ”


“อะ อะไรนะ”


ตึกตัก ตึกตัก


หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ความรู้สึกนี่มันคืออะไรทำไมฉันถึงดูสับสนอย่างนี้ ความอุ่นแปลกๆที่มือของฉันมันทำให้สบายใจอย่างน่าประหลาดและใบหน้าที่ดูหล่อเหลาราวเทพบุตรที่กำลังหลับตาพริมอยู่ตรงหน้าฉันนี่อีก ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดใบหน้าฉันนี่มัน จะใกล้เกินไปแล้วน่ะ


“เออ ฉันต้องกลับแล้ว”


ฉันกล่าวแล้วชักมือออกจากการเกาะกุม แล้วรีบลงจากเตียงทันที


ตุบ


“เฮ้ย!”


“โอ๊ย”


มันไม่ใช่เสียงอะไร มันคือเสียงฉันตกเตียงเองแหละก็อย่างที่เคยบอกว่าฉันมันสายตาสั้น ก็นึกว่าเตียงมันอยู่มันกว้างกว่านี้แต่ที่ไหนได้มันแคบจริงๆและผลที่ตามมาคือฉันนอนครางอยู่ใต้เตียงยังไงละ


“เธอ เป็นไรไหม”


ผู้ชายคนนั้นรีบลงมาดูฉันทันทีแล้วเขาก็รีบประคองฉันขึ้นไปนั่งที่เตียงนอนเหมือนเดิม


“เจ็บดิ ถามได้”


เจ็บจนแทบอยากร้องให้เลยละ โอ๊ย สะโพกฉันหักหรือเปล่าก็ไม่รู้


“ซุ่มซ่ามจริง”


เขาคนนั้นบ่นพรางสำรวจดูร่างกายฉันไปด้วย ทำไมเขาดูเป็นห่วงฉันนักล่ะ


“ฉันโอเค ตอนนี้ฉันอยากกลับบ้านแล้วอ่ะ”


ฉันกล่าวแล้วทำหน้าตาอ้อนๆที่ติดเป็นนิสัยฉันมาตั้งแต่เด็กและมันก็แก้ไม่ได้ได้ด้วยสิ คนมันเคยชินที่จะทำแล้ว คนตรงหน้าฉันซึ่งตอนนี้ก็เงียบไปได้สักพักแล้วหลังจากที่ฉันกล่าวประโยคนั้นออกมา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลยแต่เขากลับต้องมาลำบากเพราะฉัน ฉันต้องตอบแทนเขายังไงดี


ครืด ครืด


จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ที่ไหนซักแห่ง ฉันเลยมองหาต้นเสียงเลยเห็นกระเป๋าสะพายวางอยู่บนหัวเตียง มันไม่ใช่ของใครที่ไหนหรอกมันเป็นของฉันเองอีกนั่นแหละ และเสียงสั่นนั่นก็เป็นเสียงโทรศัพท์ของฉันเองแหละ ฉันเลยเอื้อมไปหยิบกระเป๋ามาแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา


พันแสง


คนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน พันแสง คือพี่ชายฝาแฝดของฉัน และพี่ชายฉันเป็นคนที่ร้ายกาจพอตัวเลยแหละไม่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนก็มักจะสร้างศัตรูไว้ทุกที่ ฉันเคยห้ามแล้วแต่ก็ห้ามไม่เคยได้สักที เลยปล่อยเลยตามเลยจนมาถึงทุกวันนี้ แต่..ช่างมันก่อนเถอะ ฉันเลยเลิกบ่นก่อนที่จะก้มหน้ามองดูหน้าจอสักพักก่อนที่จะตัดสินใจกดรับสาย


“ว่างะ..”


[อยู่ไหน!]


ยังไม่ทันที่ฉันจะกล่าวคำทักทายเสร็จเสียงที่ดูจะอารมณ์เสียตลอดเวลาของพันแสงก็พูดตัดหน้าฉันไปก่อน


“อยู่ไหนนะ ไม่รู้อ่ะพัน”


ใช่ตอนนี้ฉันไม่รู้จริงๆว่าตัวเองอยู่ส่วนไหนบนโลกใบนี้


[ยัยบ้าเอ๊ย ทำไมบื้ออย่างนี้ว่ะ]


เสียงของพันแสงดูอารมณ์เสียมากเพราะเขาสบทออกมาเสียงดังจนฉันต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างๆจากหูเพระามไ่อย่างนั้นฉันได้หูหนวกแน่เล่นตะโกนมาแบบนั้นนิ


“คอนโด x”


คนตรงหน้าฉันที่นั่งเงียบได้สักพักแล้วก็กล่าวออกมาพร้อมกับเดินออกไปนอกห้องนอนด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนคนอารมณ์ไม่ปกติ เช้าๆแบบนี้ผู้ชายเขาเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือไง


[เสียงผู้ชายที่ไหน ยัยบ้าเธออยู่กับผู้ชายเหรอ]


“คงงั้นมั้ง ตื่นมาก็เห็นเลย”


[เดี๋ยวฉันรีบไป อีกสิบนาทีถึง ตู๊ดๆ]


แล้วพันแสงก็ตัดสายไป ฟังจากน้ำเสียงแล้วฉันต้องรีบแล้วล่ะเวลาพันแสงโกรธอะไรๆก็หยุดเขาไว้ไม่ได้ ฉันเลยมองหาแว่นตาของตัวเองั่วห้องตาก็ไม่เจอเพราะตอนนี้ฉันเริ่มจะเหมือนคนตาบอดเข้าเต็มทีแล้ว


“อยู่ไหนนะ”


ฉันบ่นพึมพำคนเดียวแล้วคลานหาแว่นตาที่พื้นจนมาถึงประตูห้องนอน


“หาอะไร”


เสียงเย็นๆที่ฟังดูห่างเหินกว่าเมื่อกี้กล่าวถามฉันขึ้นมา


“แว่นตา คุณเห็นไหม”


ฉันถามพรางมองหาไปรอบๆห้อง


“เหยียบแตกไปแล้ว”


คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาฉันอึ้งไปพักหนึ่ง


“แล้วเธอก็รีบๆออกจากห้องฉันไปซะ”


คนตรงหน้ากล่าวไล่ฉันพร้อมกลับเดินส่วนเข้าห้องมาเหมือนกับฉันเป็นธาตุอากาศที่เดินผ่านไปโดยไม่สนใจใยดีอะไรเลย  แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกใจหายแบบนี้


“ถ้าไม่อยากเสียใจ ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”


ตอนนี้ฉันได้แต่มองแผ่นหลังที่อ้างว้างของเขา และอาการใจหายแบบนี้มันเกินขึ้นได้ยังไง ฉันรู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อกี้ที่เขากล่าวออกมาแบบไม่สนใจความรู้สึกฉันสักนิด จริงสิ เราเป็นแค่คนแปลกหน้ากันนี่นา


 


 


 


 


 


เหมือนเจอคนนอยน์หนึ่งอัตรา


5555


 

โปรดติดตามตอนต่อไปค่าาาา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา