โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

68) รอยแผลและความทรงจำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ฟีไลร่ากับพรรคพวกกินข้าวกันจนเกือบจะอิ่มแล้ว   เมื่อเด็กชายทั้งสามเดินเข้ามาในสภาพที่ใบหน้าและผมเปียกโชกไปด้วยน้ำ   คาโอเรียนั่งอยู่ข้างๆ เลโอน่าทำจมูกย่น   นางเลื่อนกระป๋องใส่อาหารไปให้พี่ชาย   แต่โลธอร์คว้าเอาไปเสียก่อน   แม้เด็กชายคนนี้จะสามารถรับประทานเครื่องเทศได้แล้ว   แต่มารดาของเขาก็ยังทำอาหารใส่กระป๋องให้ทุกวัน   และเด็กๆ ในกลุ่มของเขาก็ชอบฝีมือทำอาหารของนางมากๆ โดยเฉพาะโลธอร์
 
“ ข้าว่าล้างหน้าอย่างเดียวคงไม่พอ   พวกเจ้าต้องจุ่มลงไปทั้งตัว ” 
 
เลโอน่าว่า
 
“ ข้าสั่งอาหารไว้รอแล้วพวกเจ้านี่ชักช้ากันจัง ”
 
ฟีไลร่าบ่นบ้าง
 
“ ตอนบ่ายมีแค่วิชาประวัติศาสตร์ยุคกลางเท่านั้นเวลาเหลือเฟือน่า ”
 
อีเลียสบอก
 
“ คาโอเรียเรียนวิชาอะไรต่อล่ะ ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยหันไปถามน้องสาว
 
“ ทำขนมหวานกับนิทานพื้นบ้าน ”
 
เด็กหญิงตอบ
 
“ ไม่เห็นต้องเรียนเรื่องนั้นเลย ”
 
โลธอร์ว่า
 
“ เรื่องทำอาหารให้แม่เจ้าสอนไม่ดีกว่าหรือ   ฝีมือนางอร่อยที่สุดแล้ว ”
 
“ เอาไว้สักวันข้าจะชวนพวกเจ้าไปเที่ยวที่บ้าน   แต่ตอนนี้พวกเรายุ่งกันมากเลยไม่มีเวลาต้อนรับ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์บอกพลางเลื่อนชามมันบดเข้ามาหาตัวเอง
 
“ พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันล่ะไม่ชวนพวกเราไปช่วย ”
 
เด็กหญิงผมสีเงินเอ่ยถาม
 
“ ทำบ้าน   พวกเรากำลังสร้างบ้านหลังใหม่ในทุ่งหญ้านอกเมืองโอรีเวีย ”
 
เพื่อนๆ ได้ยินดังนั้นต่างผงะด้วยความตกใจ
 
“ พวกเจ้าต้องเป็นบ้าไปแล้ว   เหตุใดจึงออกไปนอกเมือง   ไม่คิดว่ามันจะเสี่ยงอันตรายไปหน่อยหรือ ”
 
อีเลียสกล่าวตะกุกตะกัก
 
“ ไม่หรอก   ที่ดินของเราอยู่เลยหมู่บ้านนอกกำแพงออกไปไม่ไกล   และแถวนั้นไม่เคยมีประวัติว่าถูกโจมตี   แล้วท่านพ่อก็บอกว่าจะทำห้องใต้ดินไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน   พวกเราผ่านอะไรมามากพอสมควร   คิดว่าพอดูแลตัวเองได้   อีกอย่างในเมืองโอรีเวียเองก็ใช่ว่าจะปรอดภัย   ถ้าถามหาความเสี่ยง   ข้าคิดว่าก็พอๆ กันนั่นแหละ ”
 
เด็กชายตอบ
แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหาร
ส่วนของกินในกระป๋องโดนโลธอร์ยึดไปเรียบร้อยแล้ว
 
“ มือของเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า   ข้าเห็นผ้าพันอยู่นานแล้วตอนแรกคิดว่าพันเล่นๆ ”
 
ฟีไลร่าสงสัย
 
“ เป็นแผลนิดหน่อยน่ะ ”
 
เด็กชายตอบ
 
“ ไหนขอดูหน่อยสิ ”
 
ไม่พูดเปล่านางเอื้อมมือไปจับตรงแผลของฟิโลโซเฟอร์
แต่เด็กชายดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
 
“ แค่มีดบาดน่ะ   แผลไม่ได้ใหญ่มาก   ไม่เป็นไรหรอกไกลหัวใจมากโขอยู่ ”
 
เด็กชายว่าไปอย่างนั้นเพราะอยากให้ฟีไลร่ารู้สึกว่าเขาเข้มแข็งพอ
 
“ พี่ชายบอกเสมอว่านักรบย่อมต้องมีบาดแผล   แต่นี่ยังไม่ทันไปรบที่ไหนมือก็จะขาดเสียแล้ว ”
 
คาโอเลียเย้า
 
“ เดี๋ยวเถอะยัยเด็กบ้า ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ขึ้นเสียง
เพื่อนๆ ต่างหัวเราะชอบใจ
 
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว
คาโอเรียก็แยกตัวออกไป
ส่วนกลุ่มเด็กที่เหลือต่างมุ่งหน้าสู่ห้องสมุด
 
“ เอาล่ะเราทุกคนจะต้องแยกกันหาหนังสือเกี่ยวกับเอลฟ์สโนว์   แล้วกลับมารวมกันที่นี่   ส่วนที่เหลือข้าจะเรียบเรียงเอง ”
 
อีเลียสว่า
 
“ ทำไมเราต้องเรียนวิชาสมุนไพรพวกนี้ด้วย   ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้าเลย ”
 
โลธอร์บ่น
 
“ ก็เป็นเพราะฟีไลร่าสนใจเรื่องนี้อย่างไรล่ะก็เลยบังคับพวกเรา   มันเป็นวิชาหลักของผู้ใช้เวทมนตร์   พวกเราเรียนไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา   รู้ไปก็แค่นั้นใช้ประโยชน์ไม่ได้ ”
 
เลโอน่ามีท่าทีไม่ค่อยพอใจ
 
“ ไม่หรอกน่า   มีบางอย่างที่ต้องปรุงโดยผู้ใช้เวทมนตร์เท่านั้น   แต่สมุนไพรบางอย่างแค่ปรุงครบตามสูตรก็ได้แล้ว   สิ่งที่เราเรียนมันคือศาสตร์ปรุงยาที่คนธรรมดาสามารถปรุงเองได้   เรียนรู้เอาไว้น่ะดีแล้วไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน   เผื่อมีเหตุฉุกเฉินเราก็สามารถรักษาด้วยตัวเองไม่ต้องตามหมอให้ยุ่งยาก ”   
 
อีเลียสอธิบายอย่างมีเหตุผล
แม้แต่โลธอร์ก็ยังต้องพยักหน้าเห็นด้วย
 
เมื่อเป็นดังนั้นเด็กๆ จึงแยกย้ายกันออกไปหาหนังสือ
ตามชั้นวางที่สูงท่วมหัว
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินวนจนเหนื่อยก็ยังหาไม่ครบทุกชั้น
เพราะห้องสมุดแห่งนี้กว้างขวางและซับซ้อนมาก
 
เขาเดินลึกเข้าจนสุดฝั่งหนึ่ง
ในอ้อมแขนมีหนังสือสามเล่มที่หนาและฝุ่นเขลอะ
 
ที่ปลายสุดของห้องร่างสูงในชุดคลุมดำกำลังยืนหลังพิงผนัง
มือถือหนังสือปกหนากางปิดบังใบหน้าอยู่
 
ฟิโลโซเฟอร์เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหา
คนผู้นั้นปิดหนังสือดังฉับแล้วเอียงคอน้อยๆ จ้องมองดูเขา
 
“ ไม่นึกว่าคนอย่างเจ้านอกจากจะก่อเรื่องไปวันๆ แล้วยังรู้จักศึกษาตำราเป็นกับเขาด้วย ”
 
เสียงของดารีลทักขึ้นก่อน
 
“ เจ้าก็พูดเกินไป   จริงๆ ข้าเป็นคนขยันและตั้งใจเรียนมาก ”
 
หนุ่มน้อยคนนั้นพยักหน้า
แต่ท่าทางแสดงออกว่าไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยสักนิด
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือที่ฟิโลโซเฟอร์ถืออยู่
 
“ เอลฟ์สโนว์   หยิบมาตั้งสามเล่มเลยหรือ   อะไรทำให้เจ้าสนใจมันได้ถึงเพียงนี้ ”
 
“ เปล่าสนใจ   แต่ต้องทำรายงานส่งครูสอนวิชาสมุนไพร   พูดตามตรงข้าก็เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ น่ารักเหมือนกันนะ   คาโอเรียคงชอบ ”
 
ดารีลได้ยินดังนั้นถึงกับผงะ
 
“ เอลฟ์สโนว์ไม่ใช่สมุนไพรพื้นฐาน   การกรองเอลฟ์ออกจากนมต้องใช้ความละเอียดมาก   ถ้ามีซากตกลงไปแม้แต่ตัวเดียวยาที่ปรุงได้จะเป็นพิษ   แต่ถ้าเผลอทำตัวที่ยังเป็นๆ หล่นลงไปด้วยนี่ถึงตายเลยนะ   ข้าคิดว่าเด็กๆ ยังขาดความรอบคอบ   ให้ทำแบบนี้ไม่อันตรายไปหน่อยหรือ ”
 
“ อ้าว   เห็นบางคนบอกว่าใช้ทำอาหารได้ด้วยข้าก็นึกว่าปรอดภัย ” 
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
 
“ มันก็ปรอดภัยและเป็นสมุนไพรชั้นสูงนั่นแหละ   เพียงแต่ขั้นตอนการทำผิดพลาดไม่ได้เลย   แล้วเด็กๆ ในชั้นของพวกเจ้าแน่ใจว่ากรองได้เรียบร้อยทุกคน ” 
 
พอคิดย้อนไปเด็กชายก็ขนลุก
เด็กๆ วุ่นวายกันจริงในวันนั้น
แล้วครูผู้สอนก็ไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย
 
“ มือของเจ้าเหตุใดยังพันผ้าอยู่ล่ะ   ข้าแน่ใจว่าทำแผลให้แล้วนี่นา ”
 
ดารีลถาม
 
“ อ้อนี่หรือ   ไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเลย ”
 
เด็กชายชูมือข้างนั้นให้ดู
แต่ดารีลก็คว้าไปแกะผ้าออกอย่างรวดเร็ว
 
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นเข้าหากัน
ดวงตาสีดำคมกริบกระพริบถี่ด้วยความประหลาดใจ
 
“ เป็นไปได้อย่างไรกันนี่   ข้าไม่เคยผิดพลาดขนาดนี้   ทำไมแผลยังอยู่ล่ะ ”
 
“ เจ้าไม่ต้องกังวล   แผลเดิมมันหายไปแล้ว   ที่เห็นนี่คือข้ากรีดเพิ่มลงไปเอง ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่าพลางดึงมือกลับ
แต่ดารีลรวบเอาไว้แน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
 
“ เหตุผลล่ะ   ทำแบบนี้ไปทำไมกัน ”
 
“ เรื่องของข้าน่าเจ้าอย่าสนใจไปเสียทุกเรื่องเลย ”
 
เด็กชายว่าพลางพยายามสลัดจากการเกาะกุมนั้น
มือของดารีลแม้จะดูเรียวเล็กแต่ทว่าแข็งแกร่งราวกับปลอกเหล็ก
 
“ ถ้าเจ้าไม่พูดความจริงก็อย่าหวังว่าจะได้ไปจากตรงนี้ ”
 
เสียงที่ดุดันนั้นบอกให้รู้ว่าเขาเอาจริง
 
“ ก็ได้ๆ ข้าบอกเจ้าก็ได้ ”
 
เด็กชายยอมแพ้
 
“ ข้าจำเป็นต้องสร้างรอยแผลเอาไว้   เพื่อจะย้ำเตือนตัวเองเพราะความไม่ระวังของข้า   ทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บ   และนี่เป็นสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนั้นอีก ”
 
ดารีลจ้องคนอายุน้อยกว่าตรงหน้าแล้วถอนหายใจ
 
“ เจ้านอกจากจะเป็นเด็กนรกจอมเพ้อเจ้อแล้วยังนิยมความรุนแรงอีกด้วย   ให้ตายสิชีวิตของข้าต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยหรือ ”
 
เขาว่าพลางล้วงมือหยิบขวดเล็กๆ สีอำพันออกมา
 
“ ไม่นะ   ข้าไม่ทายาหรอกปล่อยให้มันกลายเป็นแผลเป็นไปเถอะ ”
 
เด็กชายพยายามขัดขืน
 
“ ยานี่จะกันไม่ให้แผลเน่าเจ้าเด็กโง่   ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้าต้องมือขาด ”
 
ดารีลว่าพลางหยดยาใส่แผล
แล้วจัดการพันผ้าคืนให้อย่างเรียบร้อยสวยงาม
 
“ แล้วก็จำใส่ใจเอาไว้เลยว่า   เพราะเจ้าข้าจึงเสียยาชั้นดีที่ปรุงยากที่สุดไปห่อหนึ่งโดยไร้ประโยชน์   ถ้าอยากได้แผลเป็นนักล่ะก็   บอกไว้เลยนิสัยแบบเจ้าไม่เกินสามสิบ   ถ้าไม่ตายเสียก่อนคงได้ลายพร้อยไปทั้งตัวแน่ ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา