โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

90) พ่อมดดีมีนมาเยี่ยม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ภายนอกกำแพงเป็นอย่างไรไม่รู้แต่หลายคนเชื่อว่าภายในกำแพงนั้นมั่นคงและปรอดภัย   วันนี้ฟิโลโซเฟอร์ช่วยบิดาทำกรอบหน้าต่าง   อาเธอร์ทำตะขอเล็กๆ เหนือกรอบด้านบน   เขาบอกว่าจะเป็นที่ใช้เกี่ยวกับลูกปัดที่ร้อยเรียงทำเป็นม่านบังตา   คาโอเรียดูจะชอบใจเป็นอย่างมาก   แต่ฟิโลโซเฟอร์เห็นว่าไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่   เขานึกสงสัยว่าอาเธอร์ได้แบบอย่างม่านบังตามาจากถ้ำในหุบเขานั่นหรือไม่
 
 
            คาโลไรน์มีท่าทีกลัดกลุ้มกับความคิดของอาเธอร์   ที่จะย้ายออกไปนอกเมืองต้นฤดูหนาวนี้   ในขณะที่ข่าวลือเรื่องการลอบทำร้ายขบวนเสด็จของกระษัตริย์แฮโรดยังดังกระหึ่ม   รวมทั้งเรื่องประหลาดต่างๆ อีกมากมาย   แต่อาเธอร์ยังยืนยันว่าการโจมตีนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว   บริเวณรอบนอกกำแพงเมืองปรอดภัยเช่นเดียวกับหมู่บ้านนอกกำแพงที่ไม่เคยเกิดเหตุร้าย  อีกทั้งเขายังสามารถหาฟืนจากป่าใกล้ๆ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในฤดูหนาวแทนที่จะต้องซื้อถ่านหินอยู่ตลอด   มันช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
 
ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันนั้นนั่นเองพ่อมดดีมีนก็มาปรากฏกายที่บ้านของอาเธอร์   เขามาพร้อมกับข่าวดีที่ว่าโรคละบาดที่น่ากลัวในซีนาร์ยนั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว   ชาวเมืองใกล้เคียงที่ติดโรคก็ได้รับความช่วยเหลือเช่นกัน   ความหวาดกลัวว่าโรคนี้จะลามมาถึงโอรีเวียได้ยุติลงแล้ว
 
“ เหลือเชื่อจริงๆ ตัวยาสามารถสมานแผลทั้งภายในและภายนอก   ทางสภากำลังเร่งแจกจ่ายยาออกไปตามเมืองที่ห่างไกล   หวังจะช่วยเด็กชีวิตที่ป่วยหนักได้ทันเวลา ”
 
พ่อมดดีมีนว่า
เขารับชาร้อนๆ มาจิบ
และชื่นชมว่าเป็นชาที่หอมมาก
 
“ ถ้าอย่านั้นเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องโรคละบาดพวกนี้อีก ”
 
อาเธอร์พูด
 
“ ข้าอยากไปแปลงไร่แปลงนาของข้าเสียเต็มทีแล้ว   หรือเป็นไปได้อาจย้ายกลับซีนาร์ยในเร็ววัน ”
 
“ เย็นไว้พ่อหนุ่ม   ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้พ้นหน้าหนาวนี่ไปเสียก่อน   เหตุการณ์ยังไม่แน่นอน ”
 
พ่อมดเฒ่าปราม
 
“ แล้วใครกันที่คิดค้นตัวยาขึ้นมาได้ ”
 
คาโลไรน์ถามขึ้นบ้าง
 
“ บอกแล้วจะแปลกใจ   เขาคือครูใหญ่ของโรงเรียนในปราสาทขาวนี่เอง ”
 
“ หา   วีแกนน่ะนะ   เป็นเขาจริงๆ หรือ ”
 
อาเธอร์ไม่อาจซ่อนความแปลกใจเอาไว้ได้
เท่าที่รู้ๆ มาคนคนนี้ไม่เคยทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลย
 
เขาเป็นลูกครึ่งผู้ใช้เวทมนตร์ที่ไร้พลังเสียด้วยซ้ำ
แต่ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับวีแกนสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้
 
“ นั่นแหละ   ทางสภาก็ไม่เชื่อว่าเป็นเขา   แม้แต่ข้าเองก็ยังนึกว่าเป็นฝีมือศิษย์คนโปรดของเขาเสียอีก ” 
 
“ มีใครกล้าเป็นคนโปรดด้วยหรือ ”
 
อาเธอร์ถาม
เพราะอยากรู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ได้ยินมาหรือไม่
 
“ เขาเป็นแค่นักเวทฝึกหัดคนหนึ่งเท่านั้น   แต่ได้นั่งตำแหน่งเก้าอี้ในสภาแห่งโอรีเวีย   คนผู้นี้เก่งอย่างน่ากลัวเพราะทำในสิ่งที่คนทั้งสภาทำไม่ได้   และที่สำคัญเขาไม่ฟังคำสั่งใครเลยนี่คือเรื่องที่ข้ากังวล ”
 
พ่อมดพูด
พลางรินชาดอกไม้สีม่วงลงในถ้วยใบเล็ก
กลิ่นหอมกำจายไปทั่วห้องเขายกขึ้นจิบช้าๆ
พอดีเหลือบไปเห็นกระต่ายป่าสีขาวตัวน้อยจึงขยิบตาให้
มันก็กระโดดหายไป
 
“ ให้ตายสิ   มันยังกลัวข้าอยู่อีกหรือนี่ ”
 
ดีมีนบ่น
 
“ ข้าได้ยินมาว่า   ครูใหญ่วีแกนกำลังคิดค้นตัวยาที่จะทำให้คนเป็นอมตะ   ท่านว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ”
 
พ่อมดสำลักพรวด
 
“ เจ้าได้ยินมาจากไหนกัน ”
 
“ จากร้านเหล้า ”
 
อาเธอร์ตอบตามตรง
 
“ ให้ตายข้านึกว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับเสียอีก ”
 
พ่อมดดีมีนถึงกับหลุดคำสบทออกมา
 
“ แสดงว่าจริงน่ะสิ ”
 
“ วีแกนเคยเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมหลายครั้ง   แต่ถูกเพิกเฉยก็แน่ล่ะด้วยความสามารถของเขาในตอนนั้นแล้วใครจะไปสนใจ  ยาแบบนี้พ่อมดหลายต่อหลายรุ่นพยายามปรุงขึ้นมาแต่ก็ไม่เคยมีใครทำได้   แม้แต่ซาเหวจลอร์ดเองก็ยังไม่ปรากฏในตำราว่าเขาสามารถทำเรื่องเช่นนี้   แต่พอเขาปรุงยารักษาโรคละบาดสำเร็จ   เรื่องนี้เลยถูกขุดคุ้ยอีกสินะ ”
 
“ ท่านคิดว่าเขาจะทำสำเร็จไหม”
 
อาเธอร์สงสัย
 
“ ถ้าถามข้า   ลำพังตัวเขาคนเดียวทำไม่ได้แน่   ความจริงคือเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา   การปรุงยาแขนงนั้นต้องใช้เวทมนตร์กำกับ   วีแกนที่ไร้พลังโดยสิ้นเชิงจึงไม่สามารถ ”
 
พ่อมดถอนหายใจ
 
“ เอาเข้าจริง   มันคือความใฝ่ฝันของนักเวทหลายๆ คนที่จะปรุงยานี้ให้จงได้   แม้ว่าจะไม่มีคำสาปร้ายนี้ก็ตาม   แต่แท้ที่จริงก็มีคนบางคนอยากมีชีวิตที่เป็นอมตะ   สำหรับข้าแล้วมันผิดธรรมชาติการเป็นอมตะไม่ใช่เรื่องดีเลย   ตอนแรกวาลานขอให้ดารีลทำ   เด็กนั่นปฏิเสธโดยเด็ดขาด   เวลานี้วีแกนกำลังพยายามอยู่และผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ   มันแสดงให้เห็นว่าดารีลยื่นมือเข้าช่วย   แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงได้ลงมือทำยาที่เขารังเกียจ ”
 
“ ถ้ามีเหตุผลมากพอดารีลเขาไม่ปฏิเสธหรอก ”
 
ฟิโลโซเฟอร์แทรกขึ้น
 
อาเธอร์ส่งสายตาเตือนว่าไม่ควรขัดผู้ใหญ่เวลาพูด
แต่พ่อมดดีมีนกลับสนใจขึ้นมา
 
“ เจ้าพูดแบบนั้นรู้จักเขาหรืออย่างไร ”
 
“ ข้าเคยหลงทางในเมืองแล้วดารีลอาสามาส่งบ้าน   หลังจากนั้นข้าก็ลากเขามารับประทานอาหารเย็นได้ถึงสองครั้ง   เพื่อเป็นการตอบแทน   ดังนั้นถ้าจะพูดว่ารู้จักกันก็พอได้อยู่ ”
 
เด็กชายตอบเลี่ยงๆ
 
“ แปลกมาก   มีผู้ใช้เวทมนต์เก่งๆ หลายคนพยายามตีสนิทเขาแต่เขากลับเลือกคลุกคลีกับคนอย่างวีแกน   ข้าเชื่อว่าระหว่างวีแกนดารีลแค่เลือกเอาไว้บังหน้า   ไม่รู้ทำไมผลงานดีๆ ของเขามักจะโยนให้วีแกนรับผลประโยชน์ตลอด   แต่สำหรับพวกเจ้าเขาเข้ามาหาเพื่ออะไรกัน ”
 
พ่อมดเฒ่าว่า
 
“ ท่านเข้าใจผิดแล้ว   ความจริงคือข้าต่างหากที่ไล่ตามเขา ”
 
ฟิโลโซเฟอร์บอก
 
พ่อมดดีมีนนั่งร่วมรับประทานอาหารกับอาเธอร์อยู่นาน   โดยไม่มีท่าทีรีบร้อนเหมือนเมื่อก่อน   อาจจะเป็นเพราะโรคร้ายสามารถรักษาได้แล้ว   ทำให้ความหวังต่างๆ เรืองรองขึ้นมา   ตอนแรกเขาคิดว่ามนุษยชาติจะต้องสูญสิ้นไปตั้งแต่คำสาปแรกยังไม่สัมฤทธิ์ผลเสียแล้ว 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา