และนี่คือ!!! วิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ

-

เขียนโดย BennieRule

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.01 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 15.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 6 ไม่ผีก็คนต้องชนกันแหลกลาญไปข้างหนึ่ง!!!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
>>> LINK WEBTOON <<<
 
QR CODE WEBTOON และนี่คือวิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
ขอฝากเวอร์ชั่นเว็บคอมมิคไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ

__________________________________
 

มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในคอนโดของเรา ? 


‘คุณชาย’ วิญญาณหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในชั้นที่ 13 ห้อง 704 นึกเช่นนั้นเมื่อเห็นร่างเล็กเท่ามดเดินดุ๊กดิ๊กจากบานหน้าต่าง ดวงตาสีน้ำตาลจาง ๆ จ้องมองเพ่งพิศก็เห็นเป็นเด็กหนุ่มวัยประมาณยี่สิบปีต้น ๆ สะพายกระเป๋าใบใหญ่ก้าวสองเท้าเข้ามาในอาคารแห่งนี้อย่างว่องไว 


สัญชาตญาณบางอย่างของดวงวิญญาณผู้สิงสถิตอยู่ในห้องนี้เป็นเวลาช้านานส่งสัญญาณบ่งบอกว่าคนผู้นี้ต้องเข้ามาที่นี่เป็นแน่


“เจ้าพวกนี้ไม่เลิกวุ่นวายกับห้องเราเสียที” คุณชายบ่นพึมพำ “คราวนี้เป็นคนแบบไหนกันหนอ?” 


วิญญาณหนุ่มนึกขณะที่เดินมายังกลางห้อง ตลอดเวลาที่อาศัยสิงสถิตอยู่ในห้องนี้ตนเองได้เผชิญหน้ากับผู้คนที่แวะเวียนมาพักอาศัยที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย 


ผู้มาเยือนทั้งหลายไม่มีใครเคยเห็นเขาเลยสักรายแต่ทุกคนล้วนรับรู้ถึงคุณชาย


บ่อยครั้งที่เขาใช้พลังในการสร้างความประหลาดใจให้แขกผู้มารุกล้ำพื้นที่เสมอ ๆ จนเป็นที่ลือลั่นไปทั่ว


บางครั้งก็เป็นพวกลองของ คนพวกนี้มักอยากรู้อยากเห็นว่าที่นี่มีวิญญาณอยู่จริงหรือเฮี้ยนสักแค่ไหนจึงมักท้าทาย โอ้อวดและหยิ่งผยอง 


คุณชายจึงมักโต้ตอบแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับคนประเภทนี้ ฉายาวิญญาณเฮี้ยนไม่ใช่ของประดับสำหรับเขา ผู้ท้าทายจำนวนมากต่างถูกหลอกหลอนจนขยาดไม่กลับมาอีก เช่น ก่อกวนตอนนอนหลับ ทำลายข้าวของ 


บ่อยครั้งคุณชายต้องทำลายความเชื่อมั่นอวดดีของอีกฝ่ายด้วยสงครามจิตวิทยาปั่นประสาท ทุกรายล้วนพ่ายแพ้จับไข้หัวโกร๋นถอยหนีไม่กล้าแม้แต่รีวิว มีบางคนชอบรีวิวหนักหนาก็โดนหลอนเป็นอันต้องรีวิวแปลกประหลาดส่วนใหญ่ก็เพราะเพี้ยนไปเองด้วยความกลัว


หลัก ๆ แล้วโลกของคนตายจะไม่สามารถก้าวก่ายโลกของคนเป็นได้ หากแต่บางสถานการณ์ก็สามารถเชื่อมต่อถึงกัน คุณชายอาศัยจังหวะของการเชื่อมต่อนั้นสร้างปรากฏการณ์ให้ผู้คนที่พักที่นี่ได้สัมผัสถึงตัวเขา


ระดับการเห็นวิญญาณของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่เด็กมีโอกาสสัมผัสได้มากกว่าผู้ใหญ่ และบ่อยครั้งที่ระดับการมองเห็นจะขึ้นอยู่กับสติสัมปชัญญะของเจ้าตัว เมื่อผู้มาเยือนมาถึงคุณชายก็มักจะวัดระดับการมองเห็นของอีกฝ่าย ประเมินเพื่อหาวิธีขับไล่ต่อไป


ใจจริงคุณชายไม่ได้อยากไล่ทุกคนที่เข้ามาในห้อง เพียงแต่หลายครั้งที่ผู้มาเยือนทำลายพื้นที่ของคุณชายมากกว่าเรื่องความสงบสุขก็คือพฤติกรรมของพวกเขา


ส่วนใหญ่ไม่รักษาความสะอาด! 


ความสะอาดเป็นเรื่องใหญ่ของคุณชาย สภาพในห้องหลังจากถูกผู้อื่นเข้ามาปรับเปลี่ยนรบกวนสร้างความไม่สบายใจแก่เขาอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อไม่ถูกโฉลกเรื่องราวการขับไล่คนพักอาศัยจึงเริ่มต้นขึ้น


บ่อยครั้งคนมาอยู่พยายามดื้อแพ่ง จ้างหมอผีหรือนิมนต์พระมาสวดไล่


อย่างที่กล่าวไปข้างต้น โลกของคนกับโลกของคนตายไม่ได้เชื่อมโยงกัน ไม่มีใครไล่เขาไปได้สักราย มีแต่คุณชายนั่นแหละที่ไล่คนอื่นออกได้ด้วยความเฮี้ยนส่วนตัว


คุณชายแต่เดิมไม่ใช่ผีติดห้องเพียงแต่ที่นี่มีบางสิ่งที่ทำให้เขาผูกพันจนไม่ออกไปไหน วิญญาณมักปรากฏและวนเวียนในสถานที่ที่ตนจำได้ว่าเคยไปมาเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ แต่คุณชายไปได้ทุกที่ เพียงแต่ติดอยู่ในห้องนี้มากก็เท่านั้น


คุณชายชะโงกหน้าออกมาเมื่อได้ยินเสียงลิฟต์พร้อมคนสนทนาดังขึ้นในชั้นสิบสาม ความเคยชินทำให้คุณชายทราบว่าเวลาเช่นนี้ไม่มีใครหรอกที่จะกลับมา


แม่บ้านอนงค์ออกมา เธอเป็นผู้ดูแลความสะอาดในห้องนี้และเป็นเพียงไม่กี่คนที่คุณชายอนุญาตให้เข้ามาได้


อีกคนคือผู้มาเยือนเป็นเด็กหนุ่มที่คุณชายเห็นจากหน้าต่าง เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบต้น ๆ สวมหน้ากากกันฝุ่น รูปร่างสูงใหญ่กว่าคุณชายเล็กน้อย ท่าทางแข็งแรงราวกับศิลปินดารา เจ้าตัวกำลังคุยโทรศัพท์หันมาทางหน้าประตู


“ที่นี่แหละคะ ห้อง704” อนงค์กล่าวกับอีกฝ่าย


คุณชายมองผู้มาเยือนด้วยท่าทีนิ่งสุขุม พลันปลายสายของเจ้าหนุ่มก็วางไป สีหน้าของเขาสับสน


“นี่หรือคนมาใหม่ ไม่ถูกโฉลกเอาเสียเลย---ไล่กลับไปที อนงค์!” คุณชายกล่าวพลางใช้ปลายนิ้วโบกมือไล่ออกไปเหมือนปัดแมลงวัน


ด้านอนงค์หันมาที่หน้าประตู คุณชายเชื่อว่าเธอไม่เห็นเขาแต่คงรับรู้ด้วย ‘สัมผัสพิเศษ’ ของเธอ แม่บ้านหญิงเหมือนถอนหายใจแผ่ว ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า


“…หนุ่ม ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วย ก็ลงมาชั้น7นะ ป้าพักอยู่ที่นั่น…ป้าขอตัวนะ” อนงค์เอ่ยเช่นนั้นก่อนจะเดินจากไป


คุณชายมองอนงค์จนลับสายตา…


ทิ้งไว้เพียงหนึ่งคนกับผีหนึ่งตนหน้าประตูห้อง


เด็กหนุ่มยืนจ้องประตู


คุณชายยืนจ้องเด็กหนุ่มจ้องหน้าประตู


“ตัดสินใจสิว่าจะเข้าไปหรือถอยหลังเจ้าหนุ่ม---แต่ถ้าเข้าไปเมื่อไร เราจะได้เห็นดีกัน” 


เมื่อวิญญาณคุณชายกล่าวจบไม่นาน คิดก็ไขกุญแจเข้าไปในห้องทันที


 


“สวัสดีครับ ผมรู้คุณอยู่ที่นี่ ผมชื่อคิดนะครับ” หนุ่มผู้มาเยือนแนะนำตัวในห้องพักโล่ง ๆ โดยไม่ปิดประตู! คุณชายผีมองแรงทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่ถอดรองเท้าและปล่อยให้ยุงบินเข้ามาในห้อง! 


“ประตูก็ไม่ปิดไอ้หมอนี่ ไม่มีใครอยากรู้จักแกเสียหน่อย!!” คุณชายตอบคิดด้วยเสียงอันดังเท่ากับอีกฝ่าย แน่นอนว่าทางนั้นไม่ได้ยินเสียง


“ผมเป็นนักเขียนนิยาย ผมมาที่นี่เพราะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวของคุณ ผมมีงานชิ้นใหม่ที่ต้องเขียนและเรื่องของคุณช่วยผมได้ ถ้าได้คุณช่วยผม ผมให้สัญญาจะตอบแทนคุณเท่าที่ผมช่วยได้” คิดยังคงพูดต่อ


คุณชายเดินกลับไปที่หน้าประตูก่อนหันมาที่คิดแล้วเอ่ย


“ทางนี้ไม่อยากรู้จัก ไม่ช่วย ไม่สน กลับไปซะไอ้นักเขียนนิยาย ไอ้คนไม่ปิดประตูบ้าน!!!” 


โครม! 


คุณชายใช้หลังกับบั้นท้ายดันบานประตูห้องอย่างแรง มันกระแทกขอบประตูจนปิดสนิท


คิดไม่ได้สะดุ้งตกใจแม้แต่น้อยจนคุณชายเสียดายเล็ก ๆ ที่ไม่เห็นสีหน้าตกใจของอีกฝ่าย


“เชอะ ไอ้นักเขียนนี่เป็นเจ้าพวกจิตแข็งหรือ? ท่าทางจะสัมผัสเห็นผีเป็นศูนย์” คุณชายบ่นอุบอิบ 


พลันหนุ่มร่างสูงใส่หน้ากากก็เดินไปล็อกลูกบิดลงกลอนพลางถอนหายใจ


คิดเอาของจากกระเป๋ามาวางไว้ในห้อง เรียงเสื้อผ้ากางเกงรวมถึงหนังสือเล่มโปรดอย่างเรียบร้อย


ในระหว่างนี้คุณชายก็เดินมาดู ตรวจตราราวกับอาจารย์ให้คะแนนความสะอาดของลูกศิษย์ สายตาเขาก็อ่อนโยนลง


“เก็บเรียบร้อยดีนี่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกปอน ๆ ” คุณชายเอ่ยอย่างประทับใจ


ครั้นพอคิดเอาพระเครื่องที่ครอบครัวให้ไว้ติดต่อวางไว้บนตู้เย็น ดวงตากับสีหน้าของคุณชายก็เปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังเท้า


“เหอะ ทำอะไรเราไม่ได้หรอก เหอะ เหอะ!!” พูดพลางเดินไปหน้าพระเครื่อง เพ่งแล้วเอ่ย “โอ้ เนื้อดีนี่ ราคาน่าจะแพง” 


ระหว่างคุณชายผีส่องพระอยู่นั้น คิดก็ง่วนอยู่กับมือถือ สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“สวัสดีครับพี่” 


เสียงสนทนาทำให้คุณชายเดินมาใกล้ ๆ ผู้มาเยือน เขาพยายามเดินเสียงดังอย่างเต็มแรง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน


“คิด เป็นไงบ้าง?” ปลายเสียงถาม


วิญญาณสุดเฮี้ยนได้ยินเช่นนั้นจึงเหยียดยิ้ม ก่อนจะเอานิ้วไปเคาะเครื่องโทรศัพท์อีกฝ่ายพร้อมพ่นลมปากใส่อย่างเต็มแรง


“สบายดีครับพี่ โทษทีนะครับ ตะกี้คงเน็ตหลุดพอดี คอลใหม่ไหมพี่” 


...


ปลายเสียงเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยตอบ


“ไม่เป็นไร ตอนนี้ย้ายไปห้องที่ว่าแล้วใช่ไหม?” 


เมื่อเห็นปลายสายนิ่ง คุณชายก็ยิ่งได้ใจ


“เห อีกคนที่คุยอยู่รู้เรื่องห้องของเราสินะถึงได้พูดแบบนี้ บางทีอาจจะรับรู้ถึงเราสินะ อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด! ฮ่าฮ่า” 


เมื่อคิดดังนั้นผีร้ายในห้องจึงเริ่มก่อกวนต่อ


คุณชายเริ่มเกาเครื่องโทรศัพท์ เคาะและก็พ่นลมอย่างต่อเนื่องประหนึ่งเป็นดนตรีผสมเครื่องดีดสีตีเป่า ประหนึ่งของเล่นอันเมามันบ้าคลั่งของเด็กเล็ก คุณชายก่อกวนจนสาแก่ใจกระทั่งบทสนทนาจบลง 


คิดเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ท่ามกลางเสียงสายลมพัดผ่านในห้องก็ไม่มีสิ่งใดให้สงสัยใด ๆ 


ชายหนุ่มนักเขียนหยิบเพียงกุญแจและกระเป๋าตังค์ไปเท่านั้น ก่อนจะออกไปจากห้องเขาก็ปิดหน้าต่าง เช็กดูภายในครั้งสองครั้งก่อนจะล็อกห้องเรียบร้อยแล้วเดินจากไป


คุณชายมองตามไปจนคิดเข้าไปในลิฟต์ก่อนหันมองในห้องแล้วแสยะยิ้ม


“ออกจากห้องไปแล้วสินะ ดีล่ะ” 


พลันด้วยพลังความเฮี้ยนบานหน้าต่างห้องก็ค่อย ๆ เปิดออก


สายลมพัดแรงเข้ามาภายในจนม่านปลิวไสว ข้าวของเริ่มหล่นตุ้บกลิ้งไปทั่วชนตรงนู้นทีตรงนี้ที กระดาษลอยไปตามสายลม


กึก กึก กึก กึก


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ้า


เสียงหัวเราะสนั่นปฐพีผีดังขึ้นห้อง 704 เมื่อเห็นห้องพินาศเละเทะแล้วคุณชายจะล่องลอยออกมาเกาะหลังคิดพร้อมกระซิบที่ข้างหู


“กลับมาห้องได้ตะลึงแน่แกเอ๊ย ฮึฮึ ฮึฮึ” 


สีหน้าของเด็กหนุ่มชะงักไปชั่วขณะ


"เสียงลิฟต์? ไม่สิ หรือเป็นเสียงในห้องเรา? " คิดพึมพำ พลันก็รีบกดหยุดลิฟต์ไปให้เปิดออกทันที


ปิ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 7 เพียงพริบตาที่ประตูเปิด คิดก็รีบกดปิดทันที


ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกกายเข้ามาในลิฟต์พอดี


"อุ๊ย! โอ้ย! อ๊า! "


"ขอโทษครับคุณ!! ผมกำลังรีบ! " 


"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉัน...ก็รีบเหมือนกันค่ะ อู้ย! ...เจ็บ! "


“ก็น่าจะเจ็บหรอกโดนหนีบซะแรง” คุณชายพึมพำ แน่นอนไม่มีใครได้ยิน---แต่ดวงตาของหญิงสาวที่เข้ามาด้านในกลับจ้องมาทางเขา


คุณชายเอะใจเล็ก ๆ ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มองเด็กหนุ่ม


“มีพวกที่เห็นเราอยู่อีกหรือนี่?” 


หญิงสาวหันกลับไปกดเลขชั้นที่ต้องไปทว่าไม่ติด


"เอ๊ะ!? ลิฟต์ขึ้นหรือคะ? "


"ครับ พอดีผมจะกลับไปชั้นผมเลยเปลี่ยนกะทันหัน"


"ต้องกดใหม่นะคะ คุณจะไปชั้นไหนหรือ? "


เด็กหนุ่มไม่พูดแต่กดเลขแทนคำตอบ


"...คุณ มาจากชั้น 13 หรือคะ? "


"ครับ ผมเพิ่งย้ายมาใหม่"


เมื่อได้ยินหญิงสาวหันมามองคิด คุณชายขยับไปมองหญิงสาว เธอคล้ายจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบ


“มองไม่เห็นจริง ๆ หรือว่าแกล้งไม่เห็นกันนะ เด็กคนนี้” 


ปิ๊ง! 


ประตูลิฟต์เปิดชั้นสิบสาม


“เอาล่ะ รีบๆ เจอความเฮี้ยนของเราแล้วย้ายออกไปซะ” คุณชายกล่าวพลางตบหลังคิดเบา ๆ เจ้าตัวกำลังจะเดินออกไป แต่จังหวะนั่นเอง


"เอ่อ คุณคะ! "


"ครับ? "


ครั้นเมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออกชั้นที่ 13 และชายหนุ่มกำลังจะออกไป เสียงของหญิงสาวก็เรียกเขาทันที 


คุณชายหันมองสาวชั้นเจ็ดคนนี้ ใบหน้าของเธอลังเลราวกับครุ่นคิดบางอย่าง เธอสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ย


"เอ่อ ฉันเจ็บเข่ายืนไม่ไหวแล้วค่ะ ...คงเพราะลิฟต์กระแทกเมื่อกี้ ตรงชั้น 2 ตรงทางเชื่อมรถไฟฟ้ามีร้านขายยาอยู่ รบกวนคุณช่วยประคองฉันไปร้านขายยาได้ไหมคะ? " เธอกล่าว


ชายหนุ่มชะงัก เขาเสสายตาไปที่ห้อง704รอบหนึ่ง


“อย่าไปสนเลย เข้าห้องเรากันเถอะ เจ้าหนุ่ม!” คุณชายบ่นก่อนนึกขึ้นได้ “ไม่สิ ห้องของเราตนเดียวตั้งหาก” 


ท้ายที่สุดคิดก็เลือกกดปุ่มไปชั้นอื่น


"ขอบคุณค่ะ" 


“เหอะ! น่าเสียดาย ไว้รอกลับมาเจอห้องเละ ๆ แล้วกัน” คุณชายพึมพำก่อนออกมาจากลิฟต์ เขาไม่คิดจะตามหลอกหลอนอีกฝ่าย ส่วนหนึ่งก็ไม่อยากจากห้องไปนาน ๆ ด้วย


สายตาคุณชายมองเด็กหนุ่มสาวกระทั่งบานประตูปิดลง


คุณชายรู้สึกไม่พอใจสภาพห้องเมื่อกลับมา มันสกปรกเกินกว่าเขาจะรับได้และต้องรอคิดกลับมาก็นานเอาการ 


คุณชายมองหน้าหนังสือสยองขวัญเล่มแล้วเล่มเล่าในห้องอย่างเงียบเหงาลำพัง


จนกระทั่งพอได้ยินเสียงผู้มาเยือน คุณชายจึงรีบดีดเด้งร่างไปยังเปิดประตูให้อย่างสีหน้าต้อนรับแช่มชื่นทันที


เหอะ เหอะ เหยื่อกลับมาพร้อมพวกสามราย คุณชายนึกในใจ


“เอ๊ะ ประตูมัน…” 


“เฮ้ย!” 


“ห้องเละเลยเป็นโจ๊กเลยพี่!!” พวกคนหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยความตกใจกลัว


“คิด! ย้ายออกเลยอยู่ไม่ได้แล้วแบบนี้”


“แต่…นี่มัน…” 


“ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!!!” 


เสียงอันดังไปทั่วบริเวณนั้นคือสิ่งที่คุณชายผีภาคภูมิใจ


ตนทำสำเร็จแล้ว 


“คุ้มค่าจริง ๆ สมกับที่ทนอยู่ในห้องรก ๆ หึ เอาล่ะ ย้ายไปสิเจ้าหนุ่ม ลาขาด” 


"ผมไม่ออก"


“ฮะ!?” 


คุณชายหันคอไปทางคิด สีหน้าอึ้งกับคำที่ได้ยิน


"ว่าไงนะคิด ไม่เห็นสภาพห้องเหรอ เละเทะแบบนี้เนี่ย" พวกที่ใส่แว่นในกลุ่มเด็กหนุ่มกล่าว


"ผมคงลงล๊อกหน้าต่างไม่ดี จะมีลมพัดแรงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ ชั้นสิบสามเลยนะ" เจ้านักเขียนหนุ่มแย้ง


"ชั้นสิบสามไม่น่าทำห้องกระจุยประหนึ่งโจรขึ้นแบบนี้นะครับพี่ ๆ หรือโจรขึ้นจริงเนี่ย แจ้งตำรวจดีไหมครับ"


"จริงของเจ้าต่ายมัน ออกมาเถอะ เชื่อพี่"


"เรื่องนี่มันแค่อุบัติเหตุ ผมไม่ออกไปหรอกครับพี่เสือ ถ้าที่นี่มีบางอย่างจริงก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะออก"


คิดหันไปยังในห้อง 704 ด้วยสีหน้าขัดใจ


ดวงตาแข็งกร้าวมองเหมือนมองมาทางคุณชาย


แล้วคิดก็ตะโกนด้วยเสียงอันดัง


" ได้ยินไหมครับ ไม่ว่าอย่างไงผมก็จะอยู่ที่นี่ เพื่อเขียนผลงานเรื่องใหม่ ผมตั้งใจแบบนี้ ไม่งั้นผมจะไม่เขียน"


"ไอ้คิด มีเหตุผลหน่อยดิ! " 


"ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ออกเด็ดขาด! "


 


“โห ท้าทายมากไอ้นี่ ใจกล้าดีนี่! เอาซิไอ้นักเขียน มาดูกันว่าจะทนได้สักกี่น้ำ!! จะได้รู้กันไปว่าใครจะอยู่ใครจะไป!!!”


 


 


เปรี้ยง! 


 


สิ้นเสียงตะโกนของคุณชาย หม้อแปลงไฟฟ้าก็ระเบิดทันที ประหนึ่งเสียงสัญญาณว่าการต่อสู้ของคนกับผีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา