โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  23.06K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ข้าคงต้องสอนเจ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อเห็นคู่สนทนาไม่เอ่ยอะไรอีก
เอาแต่ยืนนิ่งเป็นรูปสลักหิน
 
ฟิโลโซเฟอร์จึงเริ่มซุกซนอีกครั้ง
เขาลากปลายนิ้วจากปลายคางสู่ลำคอขาวผ่อง
 
แล้วทำท่าจะเลื้อยต่ำลงเรื่อยๆ
อีกฝ่ายรีบคว้ามือข้างนั้นไว้ไวยิ่งกว่างูฉก
 
“ อย่ามาล้อเล่นกับข้า ”
 
หนุ่มน้อยคนนั้นพูด
น้ำเสียงเริ่มขุ่นมัว
 
“ อะไรทำให้เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่น ”
 
นอกจากจะไม่กลัวแล้ว
ฟิโลโซเฟอร์ยังแกล้งทะเล้นได้อีก
 
ดารีลจ้องเด็กชายด้วยประกายตาสุดประหลาด
 
“ อยากโดนกัดอีกหรือไง ”
 
เขาทำเสียงดุ
 
“ แล้วแต่เจ้าสิข้าอย่างไรก็ได้ ”
 
ไม่ใช่ว่าไมเจ็บ
แต่ในความเจ็บยังมีความวาบหวามน่าถวิลหา
จนเด็กชายแอบติดใจเล็กๆ
 
“ ข้าคงต้องสอนเจ้า ”
 
หนุ่มน้อยคนนั้นว่า
 
“ ไม่จำเป็น   เพราะข้าไม่มีความคิดอยากกัดเจ้า ”
 
ฟิโลโซเฟอรีบบอก
 
“ ข้าจะสอนเจ้าว่ายน้ำ   อย่างน้อยจะได้แน่ใจว่าหากข้าไม่มีข้าอยู่ด้วยเจ้าจะไม่ตาย   ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตามเจ้าจะต้องเอาตัวรอดได้ ”
 
ดารีลโน้มริมฝีปากเข้าหาลำคอของเด็กชาย
ทำท่าเหมือนจะกัดแต่ก็หยุดเพียงเท่านั้น
เขารวบมือเด็กชายทั้งสองข้างจับไพล่หลังเอาไว้
 
“ ตัวสั่นนี่นาหนาวหรืออย่างไร   บางทีผ้าห่มอุ่นๆ คือสิ่งที่เจ้าต้องการที่สุดในเวลานี้ ”
 
“ ไม่ใช่หรอก ”
 
เด็กชายปฏิเสธ
 
“ เปลี่ยนใจยังทันนะ ”
 
ดารีลว่า
เขาดันเด็กชายตัวน้อยไปยืนบนก้อนหิน
เพื่อให้ปีนกลับขึ้นฝั่งได้เอง
 
เมื่อปล่อยมือให้เป็นอิสระ
เด็กชายคนนั้นกลับปลดเสื้อคลุมของตนออกจนหมดสิ้น
แล้วโอบแขนรอบคอของดารีลเอาไว้
 
“ บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้หนาวแถมยังไม่ง่วง   เอาแต่ไล่ไปนอนแบบนี้มีแผนอะไร ”
 
“ มีคนเตือนเจ้าหรือยัง   ว่าข้านอกจากจะชอบใช้ความรุนแรงแล้วยังเอาแต่ใจตนเอง   ให้โอกาสเปลี่ยนใจอีกครั้งก่อนที่จะเจ็บตัวมากไปกว่านี้ ”
 
คนอายุมากกว่าขู่
 
“ น่ากลัวจัง   แต่ข้าโดนเจ้ากัดหลายรอบแล้วยังไม่เคยขัดขืน   สงสัยนักว่าเจ้าชอบใช้กำลังแบบไหนอีก ”
 
ฟิโลโซเฟอร์แกล้งทำเสียงยั่วโมโห
 
หนุ่มน้อยคนนั้นจึงค่อยๆ ถอยหลัง
พาสู่น้ำลึก
 
“ แท้จริงแล้วข้าไม่เคยปราณีใคร   แต่ถ้าเจ้าเจ็บก็ร้องได้นะ   ข้าไม่ถือสาหรอก ”
 
 
ดารีลนั้นดูอ่อนหวานและบอบบางแต่นั่นเป็นแค่แค่รูปลักษณ์ภายนอก
ตัวตนแท้จริงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
 
เขากดร่างของเด็กน้อยให้ค่อยๆ จมลงไป
แล้วพาม้วนตัวสู่ความดำมืดและลึกลับใต้ผืนน้ำ
 
ฟิโลโซเฟอร์จำได้ว่ามันทั้งทรมานและหนาวเย็น
หนุ่มน้อยคนนั้นแทบจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ
แต่พวกเขาก็ยังจับมือกันแน่นไม่เคยปล่อย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
 
 
เด็กชายฟื้นขึ้นบนที่นอนอบอุ่นของตนเอง
หนุ่มน้อยผู้งดงามใช้ผ้านุ่มๆ บรรจงเช็ดไปตามร่างกายของเขา
 
ในเวลานี้รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งร่าง
จนเผลอครางออกมา
ดารีลจึงหันมาสนใจคนบาดเจ็บทันที
 
หนุ่มน้อยคนนั้นใช้นิ้วลูบไล้ปลายคางอย่างทะนุถนอม
ฟิโลโซเฟอร์ได้โอกาสยืดแขนขึ้นโอบรอบคอของเขา
 
“ เจ้าอย่าหาเรื่องจะดีกว่า ”
 
เจ้าของร่างงามเอ่ยเตือน
พลางกวาดสายตาดูรอยช้ำตามจุดต่างๆ
 
จูบย้ำๆ ตามรอยแผลที่เขาเองเป็นผู้ก่อ
เป็นความอ่อนโยนดุจผู้สำนึกผิดแต่สายตานั้นพร้อมขย่ำเหยื่อทุกเมื่อ
 
“ ข้าบอกให้เจ้าร้องถ้ารู้สึกไม่ดี   นิ่งเงียบแบบนั้นข้าเดาไม่ถูกหรอก   คราวหลังยังทำแบบนี้เกิดถึงตายขึ้นมาจะยุ่งเอานะ ”
 
“ มีคราวหลังด้วยหรือ ”
 
เด็กชายแกล้งทำตาโต
 
“ ดารีลคนปรกติที่ไหนเขาตะโกนในน้ำได้   อีกอย่างข้าก็ไม่นึกว่าเจ้าจะดำน้ำได้นานขนาดนั้น ”
 
“ ข้าตั้งใจฝึกให้เจ้าดำน้ำลึก   เจ้าก็เอาแต่เล่นแผลงๆ ผู้พิทักษ์หน้ากากทองควรทำได้ดีกว่านี้ ”
 
หนุ่มน้อยต่อว่า
 
“ แล้วข้าทำได้ไม่ดีหรือไร   ครั้งแรกของข้าแท้ๆ เจ้าจะไม่ให้โอกาสหน่อยหรือ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
 
“ ก็ไม่ได้แย่แต่ข้ากลัวเจ้าจะตายเอา ”
 
“ ได้ตายในมือเจ้าก็นับว่าคุ้มแล้ว ”
 
เด็กชายเอ่ยทีเล่นทีจริง
แต่กลับไปสะกิดแผลเดิมเข้าโดยไม่ตั้งใจ
เพราะนั่นเคยเป็นคำกล่าวของเจ้าหญิงลูเซียน่า
 
หนุ่มน้อยรูปงามกัดฟันกรอด
แล้วกระโจนขึ้นไปคร่อมร่างฟิโลโซเฟอร์เอาไว้
ทำท่าจะจับหักคอเสียให้ได้
 
“ ทำไม   ข้าพูดผิดหรือ ”
 
เด็กชายรู้สึกงุนงงกับท่าทีนั้น
 
“ เจ้าไม่รู้อะไรล่ะก็หุบปากไปเลย ”
 
ดารีลตวาด
 
“ เป็นความจริงสินะข้าพูดผิดเช่นนั้นข้าจะไถ่โทษให้ ”
 
เขาจับแขนข้างหนึ่งของดารีลดึงให้ล้มลงไปนอนข้างๆ
แล้วเป็นฝ่ายพลิกขึ้นไปอยู่ด้านบน
 
แต่เด็กชายก็อยู่ตรงนั้นได้ไม่นาน
เพราะหนุ่มน้อยผุดลุกนั่งโดยไม่ยอมให้มีโอกาสตั้งตัว
ทำเอาฟิโลโซเฟอร์หงายหลังแทบตกเตียง
 
ดารีลคว้าร่างเด็กชายเอาไว้
ได้ทันก่อนจะล้มฟาดลงไปจริงๆ
 
เขาจ้องมองเด็กน้อยคนนั้นด้วยแววตาดุดัน
เพื่อเตือนว่าอย่าซุกซนให้มากนัก
 
เด็กชายกลับฉวยโอกาสนั้นจูบเร็วๆ ไปทีหนึ่ง
ดารีลสะดุ้งเฮือกแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อไปอีก
ยังคงนิ่งเฉยอยู่แบบนั้น
 
“ เจ้าไม่ชอบให้ใครอยู่ด้านบนเหนือตัวเจ้า ”
 
ฟิโลโซเฟอร์เดาจากท่าทีลนลานเมื่อครู่
 
หนุ่มน้อยคนนั้นหรี่ตามองแทนคำตอบ
ตอนนี้พวกเขานั่งแนบชิด
แทบจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน
 
เด็กชายจึงค่อยๆ ปลดเสื้อคลุมของคนตรงหน้าออกช้าๆ
เพื่อดูว่าเขาจะทำอย่างไรกับการกระทำนี้
 
เมื่อเห็นว่าดารีลไม่มีอาการขัดขืนอันใด
อีกทั้งแววตาที่เคยเกียวกราดก็เชื่อมลง
 
เขาจึงจูบอีกครั้งอย่างอ่อนโยน
แต่ดารีลกลับตอบโต้ด้วยความคุ้มคลั่งและหิวกระหาย
 
ฟิโลโซเฟอร์เหมือนถูกมอมเมาด้วยรสหวานลึกลับ
ลุ่มหลงอยู่กับการสัมผัสที่ร้อนแรงแผดเผา
ยอมศิโรราบต่อทุกการกระทำที่คุกคาม
 
“ อุ๊ ”
 
เด็กน้อยเผลออุทาน
เมื่อริมฝีปากล่างถูกกัดเลือดสาด
 
ดารีลจึงยอมปล่อยแล้วเฝ้ามองผลงานของตนเองด้วยความพึงใจ
เด็กน้อยเอาข้อมือกดแผลไว้
 
ไม่รู้ทำไมแม้แผลจะปวดตุบๆ
แต่เขากลับเสียววาบลงถึงช่องท้อง
 
“ ข้าว่าพอเท่านี้ล่ะ   ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะปลุกคนทั้งบ้านขึ้นมา ”
 
ถึงจะพูดไปแบบนั้น
แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากเด็กชาย
ซ้ำยังจ้องมองเหมือนอยากกลืนกินทั้งตัว
 
เมื่อได้ยินดังนั้น
ฟิโลโซเฟอร์จึงทิ้งตัวลงนอนคว่ำ
หยิบหมอนมาปิดปากตนเองไว้
 
หนุ่มน้อยคนนั้นทอดร่างลงแนบชิด
จับหมอนใบนั้นโยนออกไปข้างๆ
แล้วสอดมือเข้าไปปิดปากเด็กชายเอาไว้
 
“ จริงๆ แล้วหมอนอุดจมูกก็ทำให้ตายได้เหมือนกัน   แม้ข้าไม่นิยมความรุนแรงแต่ถ้าเจ้าอยากกัด   ข้าก็ไม่ว่าอะไรนะ ”
 
ดารีลกระซิบบอก
 
เด็กชายไม่ตอบได้แต่กลั้นหายใจรอ
เขารู่ว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะไม่เริ่มจากอ่อนโยนไปหาหนักหน่วง
แต่สามารถร้อนแรงได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
 
ที่บอกว่าดารีลชำนาญการทรมานเหยื่อคงจริงไม่น้อย
เพราะแม้เขาไม่ใช่เหยื่อยังแทบขาดใจตายในอ้อมแขน
 
มือของเด็กชายกำผ้าปูที่นอนแน่น
แต่ไม่ยอมส่งเสียงร้องใด
 
หนุ่มน้อยรูปงามคนนั้นไม่ได้ถูกฝึกมาให้แสดงความรัก
แต่ถูกฝึกมาฆ่าโดยเฉพาะ
 
เด็กน้อยที่ลุ่มหลงในสัมผัสแห่งเวทมนตร์
กับพ่อมดวัยเยาว์ขี้สงสัย
 
คนหนึ่งอยากแสดงความจริงใจ
อีกคนก็ปรารถนาใครสักคนที่สามารถเชื่อใจได้
 
เมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ความสงสัยอันไร้ที่สิ้นสุด
ก็พาพวกเขาดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุด
 
ฟิโลโซเฟอร์ได้เรียนรู้ความเจ็บปวดที่ไร้การปราณี
เด็กน้อยขยำผ้าปูเตียงจนฉีกขาดคามือ
 
เขาไม่ได้ขัดขืน
เพียงแต่ทนไม่ไหวจนดิ้นพล่านออกมา
 
ดารีลที่รู้เห็นและเข้าใจ
กลับไม่หยุดการกระทำที่สุดบ้าคลั่งนั้น
 
แม้เด็กชายจะสลบไป
เขากลับใช้ความเจ็บปวดเรียกสติของเด็กน้อยกลับมาอีกครั้ง
 
ซ้ำไปซ้ำมาจนเด็กน้อยอ่อนยวบไปในมือเขา
พร้อมกับลมหายใจที่รวยรินแทบไม่รู้สึก
 
เขาจึงหยุด
แล้วก้มลงมอบจูบที่ละเมียดละไม
ปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังหลับใหลไร้สติ
 
 
เมื่อแสงแดดยามเช้ามาเยือน
เด็กชายได้ตื่นขึ้นมาบนที่นอนในผ้านวมที่แสนอบอุ่น
 
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับขึ้นมาจากบึงเมื่อไหร่และเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไร  
ทุกอย่างผ่านไปราวกับฝันแต่รอยแผลเล็กๆ ที่ยังมีเลือดซึม
ย้ำว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องจริง
 
เขาพบว่าร่องรอยแห่งความรุนแรงถูกเช็ดล้างไปจนหมด
เหลือเพียงรอยกัดที่หัวไหล่และรอยช้ำบางจุด
 
เด็กชายยกมือปิดหน้าพลางหัวเราะ
ดารีลถ้าเจ้าจะป่าเถื่อนขนาดนี้
 
สตรีที่ไหนจะรับมือเจ้าได้
ไม่ขาดใจตายเลยหรือ
 
ดูอย่างเขาเอง
แม้ฟัดกับฝีร้ายทั้งฝูงยังไม่บาดเจ็บเท่านี้
 
เช้าวันนั้นฟิโลโซเฟอร์ตื่นมาแล้วอารมณ์ดีจนที่บ้านประหลาดใจ
แม้จะมีไข้ต่ำๆ ก็ตามที
 
ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
เมื่อรู้ว่าดารีลกลับมายังโอรีเวียอย่างปลอดภัย
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา