Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน

-

เขียนโดย OAZIS

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.

  17 ตอน
  2 วิจารณ์
  6,814 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ปะทะก็อบลิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 16
ปะทะก็อบลิน
 
          เป็นเวลาเกือบ 10 นาทีกับการวิ่งไล่จับเด็กปริศนาที่มาชิงแหวนของพวกเขาไป เอ็ดเวิร์ดหยุดวิ่ง โค้งตัวลงหายใจหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย เดรโกหยุดยืนเท้าเอว ยืดตัวและหายใจแรงอยู่ข้างหน้าเขาห่างไปพอสมควร ด้านหลังมีแอเลน่าที่นั่งลงกับพื้นหญ้า หยิบผ้าขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าและเช็ดไอน้ำบนแว่นตาออก ปากพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด เหลือเพียงนิโคลที่ยังคงมีแรงวิ่งไล่เด็กคนนั้นอยู่ไกลลิบๆ และยังไม่มีทีท่าจะหยุดลง จนกระทั่งทั้งคู่วิ่งหายเข้าไปในป่าทึบ
 
         “หยุดนะโว้ยยยย” เสียงตะโกนผสมเสียงลมหายใจหนักๆ จากนิโคลมาไกลๆ “ถ้าไมได้แหวนคืนมา ฉันตายแน่”
 
         “อาการเป็นไงกันมั่ง” เดรโกที่เดินย้อนกลับมาหาพวกเขาถามขึ้น เขาไม่ค่อยมีอาการจากความเหนื่อยล้าสักเท่าไร ราวกับมีเหตุผลอื่นให้เขาเลือกที่จะหยุดวิ่งซะมากกว่า “ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนั้นมีบางอย่างแปลกๆ คิดเหมือนกันไหม แอเลน่า”
 
         “ฉันว่าเขาไม่ใช่มนุษย์” แอเลน่าตอบอย่างหอบๆ
 
         “เธอหมายความว่าเขาเป็นผีหรอ” เอ็ดเวิร์ดหันไปถาม สีหน้าหวาดๆ ให้ทะเลาะกับคนเขาก็พอร่วมด้วยได้อยู่ แต่ให้ทะเลาะกับผีเห็นทีต้องขอบาย
 
         “ไม่ใช่ นายทึ่มเอ๊ย!” เด็กสาวตอกหน้ากลับ “ฉันว่านั่นคือก็อบลิน เดรโกอธิบายต่อที”
 
         เมื่อเห็นอาการเหนื่อยหอบของเพื่อน เดรโกจึงตัดสินใจที่จะอธิบายเรื่องราวต่อเอง “นายไม่สังเกตหรอเอ็ดเวิร์ด ทั้งความเร็วของเขาที่แม้แต่นิโคลก็ยังตามไม่ทัน และทั้งๆ ที่พวกเราวิ่งตามมาตั้งเกือบ 10 นาทีแล้วนะ แต่เขายังไม่มีทีท่าจะหยุดพักบ้างเลย” เดรโกมองนิ่งและหน้าเพื่อนของเขาราวกับรอให้เอ็ดเวิร์ดเรียบเรียงความคิดให้เข้าที่เข้าทางก่อน เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาทำท่าราวกับเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดีแล้ว เด็กหนุ่มก็พูดต่อ
         
         “ฉันก็เลยฟันธงไปว่าเด็กนั่นต้องไม่ใช่มนุษย์ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นก็อบลิน”
 
         “แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นก็อบลินล่ะแอล” เอ็ดเวิร์ดยืดตัวขึ้นมาถามหลังจากความเหนื่อยล้าเริ่มบรรเทาลง
 
         “ก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้นหรอก” แอเลน่ายืนขึ้น “แต่จากที่เห็นตอนที่เขาเอื้อมมือมาหยิบแหวนไป แขนที่โผล่พ้นเสื้อมาของเขาเล็กกว่าที่มนุษย์ในวัยนั้นควรจะมี ไหนจะผิวสีเทาแปลกๆ ไหนจะความเร็วแล้วก็ความอึดในการวิ่งนั่นอีก พอรวมกับนิสัยของก็อบลินที่ขี้ขโมยและเป็นจอมป่วนมนุษย์ ฉันก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นก็อบลินแหละ”
 
         เอ็ดเวิร์ดและเดรโกพยักหน้ารับเป็นเชิงเห็นด้วย
 
         “เธอรู้อะไรเกี่ยวกับก็อบลินบ้าง” เดรโกเอ่ยถาม
 
         “เท่าที่อ่านเจอมาในหนังสือสัตวเวทมนตร์ศาสตร์ ก็จะมีเรื่องลักษณะทางกายภาพ ถิ่นที่อยู่อาศัย สายพันธุ์ อุปนิสัย แล้วก็...”
 
         “เอาที่เราควรรู้ในตอนนี้สิแอล” เอ็ดเวิร์ดขัดขึ้นก่อน เรื่องน่าเบื่อพวกนั้นเขาไม่เห็นอยากจะรับรู้เลย
 
         “ก็ได้” แอเลน่าทำท่าขัดใจนิดหน่อย พร้อมกับอธิบายต่อ “ก็อบลินมีนิสัยขี้แกล้งก็จริง แต่ไม่ได้เหี้ยมโหดจนถึงขนาดที่จะฆ่าคนตาย พวกเขามักไม่อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ก็อบลินฝูงหนึ่งมักจะมีไม่เกิน 10 ตัว โดยในนั้นจะมีหัวหน้าฝูงที่มีอำนาจควบคุมและออกคำสั่งก็อบลินตัวอื่นๆ ได้ ที่สำคัญก็คือ ก็อบลินโตเต็มวัยสามารถใช้เวทมนตร์ได้”
 
         “ก็หมายความว่าก็อบลินที่เราเจอเมื่อกี้ไม่ใช่ตัวเต็มวัยสินะ ไม่งั้นเขาคงใช้เวทมนตร์สลัดนิโคลหลุดไปแล้ว” เดรโกตั้งข้อสังเกต
 
         “ไม่แน่หรอก” เอ็ดเวิร์ดปฏิเสธทันควัน “บางทีก็อบลินตัวนั้นอาจจะเลือกที่จะไม่ใช้เวทมนตร์เองก็ได้ จะได้รู้สึกสนุกกับเกมวิ่งไล่จับนี่ไง”
 
         “แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดี” แอเลน่ากังวล ทุกคนนิ่งเงียบจมอยู่ในความคิด
 
         “ฉันว่าเราลุยกันต่อเถอะ ไปพาตัวนิคกับแหวนกลับมา” เอ็ดเวิร์ดเสนอ “แต่รอบนี้คงต้องระวังตัวกันหน่อย พยายามจับตำแหน่งเสียงของนิโคล แล้วก็อ้อมไปดักหน้าก็อบลินตัวนั้นให้ได้”
 
         “ระวังเรื่องกับดับที่อาจจะมีในป่าด้วยล่ะ” แอเลน่าแนะ “แล้วก็เรื่องเวทมนตร์ด้วย ถ้าก็อบลินตัวนั้นใช้เวทมนตร์ได้จริงๆ น่าจะยุ่งยากน่าดู”
 
         พูดถึงเรื่องเวทมนตร์ เอ็ดเวิร์ดก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “แอล” เขาเรียกเด็กสาว เมื่อผู้ถูกเรียกหันหน้ามา เอ็ดเวิร์ดก็โยนของสิ่งหนึ่งไปให้
 
         “ให้แหวนฉันทำไม” เธอถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนโยนแหวนที่เก็บได้มาให้
 
         “ตอนอยู่บนรถม้า ฉันรู้สึกเหมือนนิคมันจะใช้เวทมนตร์ได้แวบหนึ่ง ฉันว่ามันต้องเกี่ยวกับแหวนที่เธอได้มาแน่ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงก็เถอะ” เอ็ดเวิร์ดตอบ “อย่างน้อยเธอก็เอาไปสวมไว้เผื่อฉุกเฉินละกัน”
 
         “เอ็ดเวิร์ด” เป็นเสียงเดรโกที่เรียกเขา และเมื่อเอ็ดเวิร์ดหันไป เด็กหนุ่มก็โยนแหวนที่เขาเก็บได้มาให้เหมือนกัน “ฉันเรียนเรื่องศิลปะการป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างน้อยก็คิดว่าน่าจะรับมือกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นได้ดีกว่าพวกหุ่นก๊องแก๊งแบบนาย” เดรโกอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของเอ็ดเวิร์ด พร้อมกับชำเลืองมองเขาด้วยหางตา
 
         “ไอ้ตัวน่าหมั่นไส้เอ๊ย” เอ็ดเวิร์ดสบถด่าออกมา และสวมแหวนที่ได้รับมาไว้ หันไปมองแอเลน่า เด็กสาวก็สวมแหวนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เมื่อทั้ง 3 คนพร้อมแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางค้นหานิโคลต่อทันที
 
 
         ไม่รู้ว่านานเท่าไรสำหรับการค้นหา แต่ตลอดทางพวกเขาทั้ง 3 ไม่เจอกับดักหรือก็อบลินตัวอื่นๆ เลย และรวมถึงนิโคลด้วย การวิ่งไล่จับหายไปราวกับไร้วี่แวว ทั้งเสียงและการเคลื่อนไหวล้วนอัตรธานหายไปหมด
 
         “เป็นไปได้ไหมว่านิคจะเอาแหวนคืนได้แล้ว และไปรอเราที่รถม้า” แอเลน่าออกความเห็น มือก็ปัดป่ายเถาวัลย์และใบไม้ให้พ้นหน้า
 
         “เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้านานขนาดนี้ อย่างหมอนั่นต้องแหกปากโวยวายหาพวกเราแล้ว” เอ็ดเวิร์ดตอบตามความคิดของเขา
 
         “คิดได้อย่างเดียวเท่านั้นแหละ” เดรโกเอ่ย “นิโคลคงโดนจับตัวไปแล้ว”
 
         และก็ดูเป็นความคิดที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน
 
 
         พวกเขาเดินเลาะตามป่ามาจนพบเข้ากับปากถ้ำขนาดเล็กอยู่ ที่นี่พวกเขาได้ยินเสียงอู้อี้ของนิโคลดังลอดออกมาจากข้างใน เป็นอันยืนยันข้อสันนิษฐานของเดรโกได้เป็นอย่างดี นิโคลถูกจับตัวไปแล้วจริงๆ ด้วย
 
         “เข้าไปกันเถอะ” เอ็ดเวิร์ดบอก และเลือกที่จะเดินนำหน้าเข้าไปในถ้ำ
 
         “เดี๋ยวก่อนเอ็ด” แอเลน่าขัด พลางขยับแว่นให้เข้าที่และก้มลงไปข้างทาง เธอหยิบแหวนหน้าตาแบบเดียวกับที่เธอและเอ็ดเวิร์ดสวมอยู่ขึ้นมา
 
         “นิคน่าจะทำตกไว้ตอนโดนจับตัวไปแน่ๆ”
 
         “หรือไม่ก็ตั้งใจทิ้งไว้ให้พวกเรา” เอ็ดเวิร์ดต่อให้จนจบประโยค และเขาเชื่อว่ามันต้องเป็นแบบหลังแน่ๆ “สวมซะ เดรโก แล้วไปกัน”
 
         พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆ ทางเดินเข้าเล็กมากจนพวกเขาต้องย่อตัวเพื่อเดินเข้าไปข้างใน ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร เสียงแหกปากของนิโคลก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ และความสว่างไสวในถ้ำก็มลายหายไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน จนมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่กันตอนนี้ แทบไม่มีแสงใดๆ พอให้มองเห็นทางได้อีกแล้ว แล้วอยู่ดีๆ ไฟดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งก็ถูกจุดติดขึ้นบนฝ่ามือของเดรโกที่อยู่รั้งท้ายสุด
 
         ดวงไฟกลมเล็กเท่าลูกปัดสีเหลืองนวลส่องสว่างลอยอยู่เหนือฝ่ามือข้างที่สวมแหวนของเด็กหนุ่ม ดวงไฟที่ช่างดูอบอุ่นและสว่างไสว แต่ทั้งอย่างนั้น ความสว่างของมันก็ยังคงไม่เพียงพอต่อการเดินทางภายในถ้ำที่มืดมิดนี้ต่อไปอยู่ดี
 
         “นายทำได้ไงน่ะ” เอ็ดเวิร์ดหันไปกระซิบถาม
 
         “ไม่รู้สิ” เขาตอบเรียบๆ “ทางมันมืดเกินไป ฉันก็เลยคิดถึงแสงสว่างเท่านั้นเอง”
 
         พรึ่บ! ดวงไฟแบบเดียวกับของเดรโกถูกจุดติดขึ้นมาอีกดวงหนึ่งบนฝ่ามือของเด็กสาว เส้นทางเดินภายในถ้ำดูสว่างไสวขึ้นมาอีกเล็กน้อย
 
         “ลองคิดถึงแสงสว่างตามที่เดรโกบอกสิ เอ็ด” แอเลน่าแนะนำ
 
         เอ็ดเวิร์ดชูมือข้างที่สวมแหวนขึ้นมา กำลังพยายามที่จะนึกถึงแสงสว่างตามคำแนะนำ แต่สายตาเขาก็พลันเหลือบไปเห็นดวงไฟหลายสิบดวงข้างหลังเดรโกที่อยู่รั้งท้ายเสียก่อน
 
         เอ็ดเวิร์ดหรี่ตาเพื่อพยายามจับจุดดวงไฟเหล่านั้นให้ได้ เป็นดวงไฟที่แปลกประหลาดเหลือเกิน เต็มไปด้วยหลากสีสัน ทั้งสีแดง สีเหลือ มีสีเขียวด้วย ลอยอยู่ทั้งบนพื้น ในอากาศ ไปเกาะอยู่ตามเพดานถ้ำก็ยังมี แต่แปลกแหะ ดูเหมือนมันลอยกันอยู่เป็นคู่ๆ เลย แต่ทำไมดูไม่เหมือนของเดรโกกับแอเลน่าเลย ของทั้ง 2 คนนั้นดูเป็นลูกบอลแสงกลมๆ แต่ที่ลอยอยู่ข้างหลังพวกเขาดูเป็นเรียวๆ แนวขวางแปลกๆ
 
         ชั่วอึดใจที่สายตาของเอ็ดเวิร์ดปรับรับภาพตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น เขาก็รู้ตัวว่าแสงเหล่านั้นที่เขาเห็นไม่ใช่ดวงไฟอย่างที่เขาคิด แต่คือสายตาของพวกก็อบลินนับสิบตัว!
 
         “เฮ้ย!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนอะไรมากไปกว่านี้ เขาก็รู้สึกเหมือนถูกคลุมหัวด้วยอะไรบ้างอย่าง ภาพและแสงสว่างทั้งหมดกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือก็อบลินอีกกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหาเพื่อนเขาทั้ง 2 คน และนำอะไรบางอย่างมาคลุมหัวพวกเขาเช่นเดียวกัน
 
 
         “พวกข้าจับตัวผู้บุกรุกมาได้แล้ว หัวหน้า” เสียงแหบพร่าและแหลมสูงดังขึ้นข้างหลังเอ็ดเวิร์ด ภายนอกมีแสงไฟสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามาในผ้าที่คลุมหัวเขาอยู่ตอนนี้ เขาพยายามมองลอดผ้าออกไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าก็ยังคงไม่ชัดเจนพอที่จะอธิบายอะไรได้มากนัก
 
         “ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะเป็นพวกเดียวกับเจ้าหนุ่มนั่น” อีกเสียงที่ดังมาจากข้างหลังเขา เอ็ดเวิร์ดคิดว่าผู้พูดต้องหมายถึงนิโคลแน่ๆ
 
         “เปิดผ้าออก ข้าอยากเห็นหน้าพวกมัน” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหน้าของเอ็ดเวิร์ด เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนออกคำสั่งนี้ต้องเป็นหัวหน้าของเจ้าพวกก็อบลินที่จับตัวพวกเขามาแน่ๆ
 
         ผ้าที่คลุมหัวพวกเขาทั้ง 3 อยู่ถูกกระชากออกอย่างแรงพร้อมกัน แสงสว่างจ้าแทงเข้ามาในดวงตาจนเอ็ดเวิร์ดต้องหยีตาอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อสายตาของพวกเขาเริ่มปรับเข้ากับแสงได้ เอ็ดเวิร์ดก็ลืมตาขึ้นเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน ภาพที่ทำให้พวกเขาทั้ง 3 คนต้องอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้แต่เดรโก
 
         ตรงหน้าเขา คือภายในถ้ำขนาดมหึมา เต็มไปด้วยคบไฟมากมายที่ติดอยู่บนผนัง รวมถึงที่พวกก็อบลินถือกันอยู่ในมืออันเล็กแห้ง ก็อบลินที่ดูเป็นผู้ออกคำสั่งเมื่อสักครู่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาบนชั้นหินขนาดใหญ่ที่แยกตัวออกมาจากพื้นราวกับเป็นเวทีสำหรับผู้กล้า ด้านหลังของก็อบลินตัวนั้น เต็มไปด้วยรูขนาดเดียวกับที่พวกเขาเดินเข้ามา เอ็ดเวิร์ดคิดว่ารูเหล่านั้นน่าจะนำทางไปสู่ส่วนอื่นๆ ในถ้ำได้
 
         แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือ ด้านหลังของก็อบลินตัวนั้น รวมถึงรอบตัวของพวกเขา 3 คน เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กหลายชีวิต เอ็ดเวิร์ดตระหนักได้แล้วว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ำของก็อบลิน กลางฝูงก็อบลินเกือบ 100 ตัว!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา