The rebound paradin in crow paht

8.7

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.

  9 chapter
  2 วิจารณ์
  9,238 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) Carrion part 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               
                เรื่องราวของชายคนนี้กำลังถูกเล่าสู่ท่าน โดยมีข้าเป็นคนที่คอยดูแล ทำไมข้าจึงต้องดูแลเขาด้วย
                มีบางอย่างไม่ถูกต้อง หัวใจบีบตัวเร็วขึ้นภายในอกของชายหนุ่ม หัวของเขาคิดออกไปว่า
                หีบใบนี้โครตหนัก
                เพราะเขาออกแรงยกเร็วไป โดยเหล่ามนุษย์ผู้รวมชะตา ยังไม่ได้ออกแรงยกกันเลยสักคน ผ่านไปหนึ่งช่วงหายใจ
  น้ำหนักของหีบเริ่มสมดุลชายหนุ่มของเราถอนหายใจอย่างยินถึงถึงความหนักที่ลอยหายไป
                หีบไม้ใบนี้ต้องมีบางอย่างอยู่ข้างในนี้แน่นอน น้ำหนักของหีบไม้ใบนี้ไม่น่าจะหนักขนาดชายสามคนยกจนต้องเอนตัว
  ล่มไปตามหีบ หรืออาจลืมนับเป็นสี่คน  ซึ่งยืนนิ่งโดยไม่ส่งเสียงออกมาจากชุดเกราะเหลี่ยมนั้น ชายหนุ่มเอียงไปทางขวาเล็กน้อย
  เมื่อถูกแรงผลักของหีบ เช่นเดียวกับคนเฝ้าประตูที่ยกมุมหนึ่งของหีบอยู่ข้างหน้าเขา ชายผู้นั้นผลักตัวกลับไปทำให้หีบโอนเอน
  ชายวัยกลางคนอยู่ด้านซ้ายของหีบตะโกนว่าข้ามหีบมาทางฝั่งขวาอย่างหัวเสีย
 
                ชายทั้งสามตั้งตัวแล้วเริ่มเดิน
                ในขณะที่ชายหนุ่มของเรารู้สึกถึงแรงสะเทือนจากภายในหีบที่ผลักเขาเมื่อครู่ เขามองไปที่หีบอย่างสงสัย
                มันมีอะไรขยับไปมาอยู่ในนี้
                จากสัมผัสของหีบที่เอียงเอนไปมาเล็กน้อย ฉันว่าฉันได้ยินเสียงมาจากในหีบ
                เท้าที่ยังก้าวอยู่ ทำให้ชายหนุ่มมองไปข้างหน้าตามเดิม โดยยังมีแรงสะเทือนจากภายใน ภาพจากสายตาข้างหน้า
  ของพวกเขาที่ยกหีบใบนี้อยู่ คือทางเข้าโบสถ ไฟจากเทียนไขส่องแสงไปกระทบบนกระจกหน้าต่างที่ฝุ่นเกาะ แสงอ่อนแรงของ
  เปลวไฟภายในโบสถทำให้เกิดมุมมืดมากมายภายในโบสถ และภายนอกซึ่งเป็นพื้นดินโล่งข้างหน้าโบสถ  
 
                ในไม่ช้าด้วยแรงของพวกเขาทั้งสี่ก็ได้เดินออกมาจากโบสถแล้วว่างหีบใบนี้ลง ด้วยความห่างจากโบสถประมาณสาม
  เมตรกว่าๆ ชายหนุ่มสะบัดแขนเล็กน้อย หลังจากปล่อยมือออกจากที่จับ นักบวชหนุ่มเดินตามพวกเขาออกมาข้างนอกโบสถ
  พลางถือคบเพลิงในมือซ้ายส่งแสงออกมาให้เหล่าผู้ยกหีบ ชายหนุ่มหันมองคบเพลิง เขาไม่สังเกตเห็นว่ามันไม่เคยถูกจุดอยู่ตรง
  ใดตรงหนึ่งภายในโบสถเลย มีเพียงแต่เชิงเทียนหลายอันจากกำแพงที่เป็นแหล่งสำคัญในการมอบแสงสว่างให้ภายในโบสถ ไม่
  ว่าด้วยสาเหตุใดที่คบเพลิงนั้นโผ่ลออกมา สาเหตุนั้นก็เป็นเพียงความคิดเล็กน้อยให้ชายหนุ่มแสวงหาคำตอบอยู่ภายในหัว
  ขณะที่ดวงตาแสดงบอกเป็นภาพว่าคบเพลิงให้ที่นักบวชถือมานี่ ให้แสงสว่างมากพอสำหรับการมองสภาพแวดล้อมของข้างนอก
  และการมองเห็นของชายทั้งสาม
 
                ภายนอก
  สีของท้องฟ้าเริ่มเข้มขึ้น ก้อนเมฆเริ่มละลายหายไปในอากาศ ดวงจันทร์ดวงใหญ่เริ่มประกายแสงสว่าง พร้อมกับ
  ดวงดาวที่เริ่มปรากฏให้เห็นจางๆ สาวสมุนไพรเริ่มมองเห็นเหตุการณ์ชัดเจน แสงไฟจากคบเพลิงทำให้เธอเห็นชายหนุ่ม
                ชายหนุ่มเอยออกไปถามชายวัยกลางคนที่ยังดูเหนื่อยล้า
                ตัวของชายคนนั้นช่างน่าประหลาด...
                “ ข้างในนี้มีอะไรอยู่งั้นหรอ? ”
                 เพิ่มแรงลงไปบนใบหน้าของตัวเอง ชายวัยกลางคนมองไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกฝั่งของหีบไม้
                “ พวกเขาพันผ้ารอบตัวเธอ แล้วจับเธอมาขังไว้ข้างในหีบ ”
  ชายผู้นี้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง เหมือนเขาอยากจะบอกเรื่องนี้ให้ใครบางคน บางคนที่เขามองเป็นพิเศษ
                 ชายหนุ่มดูสับสน
                “ อะไรนะครับ? ”
               “ …พวกเขาจะเผานางกันหน้าโบสถแห่งนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพิธีกรรมแบบนี้มีอยู่จริงๆ ถ้าคนในหมู่บ้านเจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้
  พวกเขาจะไม่ยอมให้ทำพิธีกรรมเช่นนี้แน่ ” 
                เงามืดในรูปของมนุษย์เดินออกมาจากภายในโบสถ ก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า
                “ พวกเราตัดสินใจกันแล้ว ” ชายชราผู้ยืนอยู่ด้านหลังของนักบวชหนุ่มเขาได้กล่าว หญิงชราเดินตามออกมาช้าเล็กน้อย
                เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนอยู่ด้านหลังของชายชราอย่างสงบ
                ชายชราทำให้เหล่าชายหนุ่มพากันยืนสงบ แม้กระทั้งชายหนุ่มผู้มึนงงในสถานการณ์ที่ตนไม่เข้าใจแล้วอยากจะเอ่ยถามออกมา
                นักบวชหนุ่มมองพื้นดินหน้าโบสถเชิงครุ่นคิดบางอย่าง จนชายตัวโตที่เป็นคนเฝ้าประตูโยนเสียงทุ้มของตัวเอง
  ไปหาชายวัยกลางคน
                “ พวกเราคุยกันแล้ว เจ้าจะปล่อยให้นางรอด แล้ววางยาที่หมู่บ้านแห่งอื่นอีกรึ หากแย่กว่าพวกเราอาจถูกนางกลับมาแก้แค้น
  ไล่สาปพวกเราทีละคน นางต้องถูกเผา ฤทธิ์ของมนต์ดำของนางจะสลาย ”
                ชายหนุ่มยืนใจหายข้างๆชายตัวโต จนอีกฝั่งเริ่มพูดสวนกลับ
                ชายหนุ่มเขาเริ่มประสานเหตุการณ์
                “ ขุนนางเช่นเจ้าตัดสินใจฆ่าใคร ไล่ใครไม่เคยคิดถึงเหตุผลของคนเหล่านั้น แต่คิดแค่ผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ”
                “ นางเป็นตัวนำของโรคร้าย ความหายนะ ความหวาดกลัว หมู่บ้านเราจะไม่มีวันทำลายสิ่งเหล่านั้นได้ จนกว่านางจะ
  ถูกเพลิงนรกแผดเผา ”  ชายตัวโตมองตาของชายวัยกลางคนอย่างดุดัน
                การพูดคุยของชายตัวโตกับชายวัยกลางคนดูหนักแน่น แม้ทั้งสองจะปะทะกันทางสายตาและวาจา แต่ก็รุนแรง
  เหมือนการใช้กำมือชกไปที่หน้า ชายตัวโตดูน่าหวาดกลัวสำหรับชายหนุ่มมากขึ้นทุกครา ส่วนชายวัยกลางคนไม่อยู่ในช่วงเวลาของ
  อารมณ์ที่ดีพอ ให้ชายหนุ่มถามถึงเรื่องของหีบไม้ใบนี้
                หรือโรงศพ?
 
                ชายตัวโตที่ถูกกล่าวว่าเป็นขุนนาง ยกแขนแล้วชี้ไปทางชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
                ชายหนุ่มก้าวเอียงเอียดไปข้างหลัง เพราะมือสบัดมาใกล้หน้าของเขาสะเหลือเกิน
                “ นางเป็นภัยต่อหมู่บ้านเรา! หมู่บ้านเขา ทุกคนในหมู่บ้านเขาเห็นด้วยในการกระทำครั้งนี้เป็นแน่ ”
                “ คนที่นั้นยังดีพอที่จะไม่ทำอะไรโง่เช่นนี้ พวกเขาคงไม่อยากให้เจ้ามาสั่งสอน หรือทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้หรอก ตามที่
  เจ้าพูดหากนางเป็นแม่มดนางจะไม่ตายหากถูกไฟแผดเผา แล้วถ้านางตายแล้วความจริงเผยออกมาว่านางไม่ใช่แม่มด พวกเรา
  จะทำอย่างไรต่อล่ะ เมื่อเราเป็นฆาตกร ”
                เสียงโลหะหนักกระทบกัน อัศวินชุดเกราะหัวเหลี่ยมเริ่มเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคน
                ชายผู้นั้นเขารู้ทันทีเลยว่าเขาได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไปแล้ว
                นั้นอาจเป็นการดูหมิ่น
                นักบวชเรียกชื่อของอัศวิน ‘มิเชล’ อัศวินหยุดเข้าหาชายวัยกลางคน แล้วเดินกลับไปตรงมุมเดิมของหีบที่อัศวินยกเมื่อครู่
                “ สิ่งที่ข้าบอกเจ้า คำพูดเหล่านั้นเป็นของท่านนักบวชเจ้ากำลังกล่าวร้ายว่าท่านนักบวช ผู้อยู่ที่นี่เพื่อขับไล่แม่มด
  เขาเป็นผู้ชำนาญ เขารู้ว่าเราควรทำอะไร ทำอย่างไร ”  ชายตัวโตยืดอกผงาดก่อนกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
                ชายวัยกลางคนมองไปที่นักบวช
                “ ขออภัยครับ แต่ท่านนักบวชเราควรเริ่มการตัดสินใจใหม่เพื่อทางออกที่ดีกว่านี้นะครับ เราต้องรอฟังความเห็นของ
  อีกหมู่บ้านก่อนเสียก่อน ”
                นักบวชก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาต้องการจะกล่าวบางอย่างให้ชัดเจน
                “ เจ้าอาจไม่เคยเห็นคนที่ถูกแผดเผาโดยความโง่เขลาของตน เจ้าอาจยังไม่เคยพบเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตรงหางตาเจ้า เมื่อ
  เริ่มมองหาจะได้รู้ว่าตรงหน้าเจ้านั้น คือกองเถาถ่าน พิธีจะดำเนินต่อ ” คำพูดของนักบวชปัดความมุ่งมั่นของชายวัยกลางคน
  ชายหนุ่มปกคลุมไปด้วยความสับสนของการเข้าใจความหมายของคำที่นักบวชเปรยออกมา นักบวชมองไปทางด้านขวาสายตาผ่าน
  ไปพบต้นไม้แก่เดี่ยวดาย บนพื้นแห้งหยาบและเหล่าต้นหญ้า เป็นต้นหญ้าที่พยายามเติบโตออกมาจากรอยแยกของพื้นแห้ง
 
                “ ย้ายหีบไปตรงนั้น ”
                นักบวชออกคำสั่ง อัศวินพยักหน้าตอบด้วยความเข้าใจด้วยท่าทางของความเคารพ แล้วได้หันไปมองชายทั้งสาม
  ที่ยืนคนละมุมของหีบไม้
                “ เอาล่ะยก ” พวกเขาเริ่มยกหีบใบนี้อีกครั้ง โดยมีขุนนางบอกเริ่ม
                “ เรามีคนของหมู่บ้านอื่นอยู่ที่นี้ด้วยเจ้าไม่ต้องห่วง ” นักบวชกล่าวออกมา ชายหนุ่มเกือบสะดุดเท้าตัวเอง มันแปลกที่ว่า
  เขาคิดว่าเขาทำหัวใจตัวเองหาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาเกือบทำให้ตัวเองมีปัญหาเพราะความประหลาดใจต่างหาก
                ขณะที่แบกหีบไม้ชายหนุ่มมองหีบพลางขมวดหน้าตรึง กับแรงสะเทือนจากภายในหรือแรงจากมนุษย์ที่อยู่ภายในหีบไม้
                ด้วยความกลุ้มใจชายหนุ่มเลยได้มองกลับเข้าไปในป่า แสงไฟไม่สามารถส่องให้เห็นผ่านพุ่มไม้หรือโพรงหญ้า เขา
  ไม่เห็นสาวสมุนไพรหลบอยู่ตรงไหนเลยในป่า ด้วยเหตุนี้การมองเข้าไปในป่าทำให้เขากลุ้มใจหนักกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
                พวกเขาวางหีบลง อัศวินก้าวออกมาจากหีบทันทีที่หีบอยู่บนพื้นอย่างสงบ อัศวินพูดคุยกับนักบวชด้วยระยะประชันชิด
  เมื่อมองไปภาพที่แสดงให้เห็น เป็นอัศวินเดินผ่านนักบวช ชายสูงอายุกับหญิงชรา เข้าไปภายในโบสถ โดยมีเสียงพูดคุยที่ไม่
  เข้าใจว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกัน แต่ถว่าสำหรับชายหนุ่ม เขาไม่ได้สนเรื่องเนื้อหาของการสนทนา หรืออัศวินชื่อ 'มิเชล' เดินกลับเข้า
  ไปในโบสถโดยมีจุดประสงค์อะไร
 
                ชายหนุ่มมองหีบไม้นี้ด้วยใจมุ่งมั่น สลับกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของหีบ
                “ เจ้า ” ขุนนางคนนี้แม้การแต่งตัวทำให้ชายหนุ่มไม่เชื่อในสิ่งที่ชายคนนี้เป็น แต่การถูกชายตัวโตผู้นี้เรียกในระยะหนึ่ง
  ช่วงแขนทำให้ชายหนุ่มกังวล ยิ่งรวมสิ่งที่เขาคิดจะทำต่อจากนี้ด้วยแล้วแถบทำให้หัวใจหลุดออกจากอก แม้ความจริงความ
  กังวลของเขา ไม่มีทางทำให้หัวใจหลุดออกมาได้หรอก
                ฉิป! ชายหนุ่มสงบจิตสงบใจแล้วหันไปฟังขุนนางที่เริ่มถาม สิ่งที่น่ากังวล
                “ ทหารที่มีสัญลักษณ์กากบาทนั้น เจ้าได้เห็นผู้นำของพวกเขารึเปล่า? ” ชายหนุ่มไม่เคยเห็นผู้นำของทหารที่
  ไล่ล่าเขากับสาวสมุนไพร จากความจำสาวโฉมงามปริศนาไม่ได้เล่าถึงผู้นำของกองทหาร แล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้
                “ ไม่เห็นนะครับ… ”
                เกิดบรรยากาศของความอึดอัดเล็กน้อย ขุนนางหันหัวหนีหน้าชายหนุ่มอย่างไม่สนใจ
                ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกดูแคลน
                “ งั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา ”  การพูดพึมพำหรือพูดออกมาโดยไม่ระมัดระวัง ทำให้ชายหนุ่มเห็นโอกาสบางอย่าง
  นักบวชเดินเข้ามาใกล้ชายทั้งสาม ข้างหน้าของเขาคือหีบไม้สีเทา เป็นสีของความมืดบนท้องฟ้า ตะวันได้บอกลาขอบฟ้า ในตอนนี้
  เหนือหัวปราศจากแสงตะวันเคียงข้าง แสงดาว แสงจันทร์แปล่งประกายสว่างขึ้น นักบวชหยุดมองท้องฟ้าเหนือหัว แล้วกลับมาสนใจหีบไม้
  บนพื้น
 
                ถึงคราวแล้ว…
                นักบวชคิด
                ชายหนุ่มกำมือชกไปที่หน้าของขุนนางสุดแรงแขน การส่งน้ำหนักตัวตามแขนที่พุ่งไปหาขุนนาง ช่วยทำให้กำปั้น
  ของชายหนุ่มชกลงไปโดนขากรรไกรข้างหนึ่งของขุนนางได้อย่างแม่นยำแล้วรุนแรง ชายผู้นั้นสับสน แล้วพยามทรงตัวไม่ให้ล่ม
  ขุนนางโขยกเขยกไปมา จนเขาหยุดการล่มลงของตัวเองไม่สำเร็จ เขาคุกเข่าลงพื้นแต่ก็ยังพยามลุกขึ้น เพราะดูเหมือนว่าขุนนางผู้นี้
  จะไม่ชอบดินตรงพื้นดินสักเท่าไรนัก
                ชายวัยกลางคนยืนตกใจหลังหีบไม้  นักบวชแสดงสีหน้าแบบเดียวกันแต่ยังคงรักษาท่าทางความน่านับถือไว้
  ชายชรา และหญิงชราตกใจอ่าปากค้าง พวกเขาพร้อมจะพูดบางอย่าง แต่ตอนนี้ยังพูดไม่ออก
                ชายหนุ่มของเราร้องคำครวญถึงความเจ็บปวดบนกำปั้นของเขา มันเป็นความเจ็บปวดเล็กน้อย เขายายามปกปิด
  ความกระวนวายของตัวเองโดยการร้องอุทานออกมา
                “ อ่า! เอย… มือฉันหนักไม่เบาเลยน่ะเนี่ย ”  ประโยคสุดท้ายออกเสียงเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆ
                ขุนนางรีบลุกขึ้นยืน พร้อมหันมาหาชายหนุ่มด้วยโทสะ และความพร้อมที่จะสวนกลับด้วยความหยาบคาย
                “ ทำอะไรของแกว่ะ ไอ้- ” มันช่างน่าเหลือเชื่อที่ ชายวัยหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาไม่ดี จะเคลื่อนไหวได้ไวอย่างที่เขาทำ
  ชายหนุ่มพยายามรัดคอของขุนนาง โดยใช้มีดพกจ่อหน้าชายตัวโต เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวตัวไม่ได้อย่างอิสระ ถึงจะโดนแขนขุนนาง
  ปัดหน้าไปนิดเดียว ชายหนุ่มก็หลบช่วงที่อันตรายมาได้ ทำให้ขุนนางไม่อาจหนีการจับตัวที่เกือบจะสมบูรณ์ของชายหนุ่มได้
                “ ลุง! ช่วยคนที่อยู่ข้างในเร็ว ” ชายหนุ่มเรียกชายวัยกลางคน เสียงเรียกนั้น เหมือนการเตือนสติสำหรับชายผู้นั้น
                ชายวัยกลางคนดูจะสบสนอย่างหนักจนทำอะไรไม่ถูก เขามองไปที่นักบวช แล้วคนชราทั้งสอง มองย้อนกลับมาที่
  หีบไม้ และชายหนุ่มที่ใช้แขนรัดขอ ถือมีดจ่อขุนนางข้างหน้าตน
                ในตอนนั้นชายหนุ่มคิดเศร้าใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้
                ถ้าข้างในนี้ไม่ใช่คนจริงๆล่ะ อาจเป็นสัตว์หรือตัวอะไรสักอย่าง
                เขาสบสนแล้วอารมณ์เสียที่เขาเชื่อเสียงในหัว ว่าข้างในนี้มีคนอยู่จริง
                ถึงความจริงจากสิ่งรอบตัวเขาจะบอกเด่นชัดอยู่แล้ว ทั้งชายที่พูดถึงการจับเธอมัดแล้วเผา พิธีกรรม แม่มด?
  หญิงสาวที่มีรอยแผลบนใบหน้าภาย
                “ คุณลุงอยากช่วยคนในนั้นรึเปล่า! ”
                ตึง
                ช่างแปลกนักที่เริ่มมีความกดดันมากขึ้นเมื่อเวลาได้ดำเนินไปทีละเล็กน้อย
                ชายวัยกลางคนท่าทีของเขา เหมือนจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ช่างน่าแปลกใจสำหรับชายหนุ่มที่ยังเห็นชายคนนั้นมัวย่ำอยู่กับที่
                “ คิดให้ดีนะท่าน ว่าการจะทำอะไรที่ไม่ควร อย่าทำเลยเสียดีกว่า ”  นักบวชพูดโดยไร้รอยยิ้ม มองไปยังชาย
  วัยกลางคน ส่วนขุนนางขยับปากแทนการขยับตัว เพราะชายหนุ่มแอบขู่เบาๆว่า “ อย่าน้า อย่าน้า อย่าขยับน้า ”
                ตึง
                “ ถ้าแกช่วยมันออกมา ตัวแกจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนอกรีดป่าเถื่อน ทิ้งหมู่บ้าน ทิ้งศาสนา ให้เดือดร้อน- ”
                “ พูดเยอะไปแล้ว ” ชายหนุ่มขยับมีดเข้าใกล้แก้มของขุนนาง แม้ใจจริงเขาไม่กล้าที่จะลงคมมีดลงไปบนหน้าก็ตาม
  ถึงจะเคยเอามีดแทงเข้าไปในดวงตามาแล้วก็เถอะ
                เขาประหม่า และเหงื่อตกอยู่พอตัว
                ตึง
                ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะมาทำอะไรแบบนี้ มันเหมือนว่าฉันผู้ร้ายไปแล้ว!
                การกระทำของเขานั้น ทำให้เขาหวั่นกลัวด้วยสาเหตุบางอย่าง ถ้าชายหนุ่มเห็นว่าชายวัยกลางคนไม่ยอมช่วยคนใน
  หีบไม้ เขาคงต้องใช้วิธีขู่จะฆ่าขุนนาง ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ แต่วิธีที่สำเร็จแน่นอนคือการหนีเอาตัวรอด
                ตึง
                “ ได้เลย! ”  ชายวัยกลางคนพูดออกมาแล้วรีบก้มตัวลงไปที่หีบไม้เพื่อจะเปิดผนึกออก
                “ แกมันโง่! ”  ขุนนางขยับตัวพูดเยาะย้อยออกมาด้วยรอยยิ้ม ช่างน่าแปลกชายหนุ่มคิด แล้วเห็นว่าขุนนางชายคนนี้ลืม
  อะไรไปอย่างหนึ่ง
                “ อยู่เฉยๆ เห็นมีดฉันเป็นของเล่นรึไงหา!? ”  มีดพกเปลี่ยนตำแหน่งไปมา ข้างๆ หน้าของขุนนาง
                แต่พูดบทตัวร้ายก็สนุกเมื่อกันเฮะ...
                ชายหนุ่มหัวเราะแห้งอยู่ในความคิด
                ขุนนางไม่ชอบใจเท่าไร เขามองกลับเข้าไปในโบสถ ไม่สนใจมีดพกแม้แต่น้อย
                ตึง!
                ชายหนุ่มมองไปยังโบสถเช่นเดียวกัน
                ดูเหมือนชายหนุ่มจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่งเช่นกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
[มุมนักเขียน]
สวัสดี แล้วขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ หรือเลี่อนมาเจอ
ส่วนเนื้อหาของเรื่องสั้นนี้อาจดูเก่าไปบ้าง เพราะเราไม่ได้กลับมาเขียนบ่อยหรือดองนั้นเอง แต่ยังเขียนอยู่นะ
ถ้ายังมีคนตามอยู่ก็ขอขอบคุณนักอ่านมาก
----------------
บางช่วงนักเขียนได้ลองวาดคอมมิคเรื่องสั้น หากสนใจลองเช็คดูได้นะ ระหว่างรอนักเขียนลงบทใหม่ (ระหว่างนักเขียนของเราหายหมดไฟ)
https://www.wecomics.in.th/comics/9494/influence-affect-mindset-iam
(เหมือนโฆษณาเลย... แต่ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกนะ)

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

อยากให้เขียนเรื่องไหนต่อก่อน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา