The trap of the heart กับดักของหัวใจ

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

  9 chapter
  416 วิจารณ์
  14.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 11.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) AGENT

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
CHAPTER 06
 
 
 
 


- KAEWJAI SAY -



 



 
          “ขอยืมชุดหน่อย”


 




 
          ฉันชะเง้อหน้าออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเอ่ยปากพูดคำแรกในรอบวันกับผู้ชายที่นั่งเล่นเกมส์เพลย์อยู่ตรงโซฟาโทโมะที่ได้ยินคำเอื้อยเอ่ยจากฉันเขาก็หันมาทำหน้าเหมือนกำลังกวนประสาทฉันอยู่โทโมะหันกลับไปเล่นเกมส์ต่อตามเดิมเขาไม่คิดจะเดินไปหาชุดหรืออะไรให้ฉันเลยสักนิดคนบนโซฟากระดกกระป๋องโค้กด้วยท่าทีสบายใจเฉิบไม่สนว่าฉันกำลังอยู่ในสภาพอะไร




 


 
          ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายดีนะที่ในห้องน้ำยังมีผ้าขนหนูแขวนอยู่ไม่งั้นฉันก็คงต้องขลุกอยู่แต่ในนี้จนเป็นปอดบวมนั่นแหละฉันค่อยๆเขย่งปลายเท้าออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เปียกเกินจะเยียวยาก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องของเขาอย่างน้อยเขาก็ต้องมีชุดที่ฉันใส่ได้มั้งล่ะ



 



 
 
          “จะเข้าไปทำอะไร” โทโมะพูดดักทางฉันจนฉันต้องหยุดและหันไปมองเขาหยุดเล่นเกมส์แต่เลือกที่จะมองหน้าหาเรื่องฉันแทน



 



 
          “ใส่แบบนั้นก็ดีแล้วนี่”






 
          “จะบ้าหรือไงฉันไม่มีแม้กระทั้ง…”






 
          ฉันหยุดพูดก่อนจะก้มมองตัวเองฉันมาตัวเปล่าสุดๆชุดชั้นในไม่มีสักตัวจะให้ฉันใส่อะไรเล่า






 
          “ไม่ต้องใส่มานั่ง” โทโมะสั่งฉันหน้าตาเฉยและแน่นอนว่าฉันไม่ทำตามเขาหรอก






 
          “เลิกแกล้งหรือยั่วโมโหฉันสักทีโทโมะฉันยอมใส่ชุดนายมันก็มากพอแล้วนะ”






 
          “ก็ไม่ต้องใส่สิใครง้อกัน”






 
          “โทโมะ” ฉันเรียกเขาพยายามข่มอารมณ์ให้นิ่งมากที่สุด






 
          “ฉันไม่รู้ว่านายจะผีเข้าผีออกหรือสนุกอะไรกับการล้อเล่นในครั้งนี้แต่ขอร้องช่วยจริงจังกับเรื่องของฉันสักครั้งเถอะ”






 
          “จริงจังสิ!” อยู่ๆโทโมะก็ตะโกนกลับมาในขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเขา






 
          “…”






 
          “ฉันพร้อมจริงจังกับเธอทุกเรื่องนั่นแหละแต่เธอไม่รับมันไปแค่นั้น”






 
          “อย่านอกเรื่อง”






 
 
ปัง!





 
 
          ฉันรีบดึงประตูห้องนอนเขาก่อนจะเข้าไปและปิดมันลงทันทีฉันพิงประตูด้วยความเหนื่อยซึ่งไม่สามารถอธิบายอะไรได้ฉันเหนื่อยข้างในเหนื่อยที่ใจสุดๆไม่ได้เหนื่อยที่กายเลยสักนิดทำไมเขาถึงมีอิทธิพลกับฉันไปซะทุกอย่างกดขี่ข่มเหงทรมานความรู้สึกอึดอัดและรู้สึกขัดใจจนฉันอยากจะฆ่าเขาให้รู้แล้วรู้รอดฉันไม่ได้ยอมแต่ฉันแพ้ถ้าฉันชนะเขาได้ทุกอย่างก็ต้องจบและเขาก็ต้องหยุดไปพร้อมเรื่องที่เขาทำเอาไว้






 
          สิ่งสำคัญที่ฉันลากสังขารตัวเองมาที่นี่คือให้เขารับผิดชอบเรื่องน้องตัวเองไม่ใช่มาใจอ่อนและยอมแพ้ให้กับทุกอย่างมันไม่ใช่ฉัน






 
          ฉันข่มตาและปัดความคิดทุกอย่างให้ออกไปก่อนในตอนนี้ฉันควรหาชุดมาใส่ซะไม่งั้นคืนนี้ฉันคงไม่ได้อยู่ดีอีกแน่ๆ






 
          ฉันเลือกเปิดลิ้นชักในห้องเขาทุกล็อกแต่ก็ต้องหยุดที่ลิ้นชักล่างสุดมันมีชุดชั้นในผู้หญิงที่ไซด์เท่าๆฉันวางเอาไว้อยู่ประมาณสี่ห้าชุดฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความสมเพชจริงสิเขาไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดีจนไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่ในห้องเขาสินะ






 
          “ของเธอนั่นล่ะ”






 
          อยู่ๆเสียงของโทโมะก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉันเขาเปิดประตูเข้ามาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเลยล่ะ -*- ฉันรีบชักมือออกจากชุดชั้นในในนั้นก่อนจะยืดตัวยืนตรงทำเหมือนว่าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น






 
          “อะไรของฉันฉันไม่มีชุดในห้องนายอย่ามามโน”







 
          “ฉันสั่งแม่บ้านคอนโดไปซื้อมาตอนเช้าฉันไม่รู้ว่าเธอไซส์อะไรกะมาได้เท่านั้นล่ะจะเล็กกว่าใหญ่กว่าก็ใส่ไปเหอะ”






 
          โทโมะพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยเสมือนว่ากำลังพูดว่าก๋วยเตี๋ยวนั่นเขาไปสั่งซื้อมาจะเค็มก็กินจะหวานก็กินอร่อยเหมือนกันกินๆไปเหอะอะไรทำนองนั้นแต่จริงๆชุดชั้นในทั้งหมดเมื่อกี้ก็ยังใหม่แถมมีป้ายยี่ห้อติดอยู่เลยนะเขาคงไม่อ้างหรอกสินะ






 
          “ขอบคุณแต่ถ้าให้ดีปล่อยฉันกลับบ้านไปใส่ชุดตัวเองดีกว่านะ” ฉันยังคงไม่เลิกประชดเขาไม่รู้สิฉันอยากให้เขารำคาญฉันเร็วๆและให้ฉันกลับคอนโดเสียทีฉันไม่ได้อึดอัดแต่ฉันลำบากใจตัวเอง





 
          “อย่านอกเรื่อง”



 



 
          โทโมะพูดใส่ฉันด้วยประโยคที่คุ้นแปลกๆเหมือนว่าฉันเพิ่งพูดออกไปก่อนหน้านี้ไม่ถึงห้านาทีฉันจิ๊ปากใส่เขาเพราะความหงุดหงิดเขานี่ไม่เคยยอมอะไรใครง่ายๆเลยสินะ







 
          “ออกไปจะแต่งตัว” ฉันปัดมือไล่เขาเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องยังคงยืนหน้าตาใสซื่อบ๊องแบ๊วไม่ยอมออกไป






 
          “แต่งดิจะยืนดู”







 
          และความหน้าด้านของเขาก็มีเยอะจนไม่สามารถเผื่อแผ่คนบนโลกได้หมด






 
          “ไม่ตลกออกไปซะ” ฉันชี้ไปที่ประตูหน้าห้องด้วยสีหน้าที่ไม่เล่นกับเขาสักเท่าไร






 
          “จะแต่งชุดของฉันอีกแล้วเหรอ”






 
          “ก็ใช่ไงนายจะให้ฉันใส่ชุดชั้นในเดินทั่วคอนโดนายหรือไง”






 
          “แบบนั้นก็ดีนะ” โทโมะลูบคางตัวเองเหมือนเห็นด้วยกับคำประชดฉันหมอนี่นี่มันคนยังไงนะ






 
          “แต่ถ้าให้ดีใส่ชุดฉันจะดีกว่า”






 
          “แน่นอนเพราะฉันไม่คิดจะเดินแก้ผ้าโจ่งแจ้งอยู่แล้ว”
 



 



 
          “เพราะถ้าเธอใส่ชุดฉัน…” โทโมะมองมาที่ฉันก่อนจะไล่สายตาขึ้นลงอย่างมีเลห์นัย






 
          “…”






 
          “ฉันจะได้เกิดอารมณ์เหมือนเมื่อคืนไง”







 
          “ตลก” ฉันพูดพร้อมกับค่อยๆดันตัวเขาออกไปแต่ร่างกายของผู้ชายตรงหน้ากลับไม่ขยับเลยสักนิดโทโมะมองมาที่ฉันเหมือนกำลังรอดูผลงานความพยายามของฉันครั้งนี้






 
          “นายนี่ดื้อจริงๆ”






 
          “ไม่ไป” โทโมะเล่นหน้าเล่นตายั่วประสาทฉันเฉย






 
          “ทำไมนี่นายจะเข้าขั้นคำว่าโรคจิตเข้าไปเรื่อยๆแล้วนะ”






 
          “ออกก็ได้แต่…” โทโมะมองไล่ตามร่างกายฉันก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาและวินาทีนั่นล่ะ…






 
          “เห็นแล้วเกะกะเอาออก”




 
 
พรึ๊บ!




 
 
          ผ้าขนหนูที่ปกคลุมร่างกายฉันอย่างมิดชิดมาตั้งแต่แรกบัดนี้กลับร่วงลงสู่พื้นเป็นที่เรียบร้อยความวูบทั่วร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉันอึ้งกับการกระทำของเขาไปเล็กน้อยโทโมะยิ้มให้ฉันหน้าตาเฉยก่อนจะหันหลังพลางผิวปากเดินออกไปเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!






 
          ฉันรีบคว้าผ้าจนหนูที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาห่อตัวอย่างเดิมอีกครั้งด้วยความอายจริงๆจะอายมากกว่านี้ถ้าบนตัวฉันมีชุดชั้นในใส่อยู่แต่นี่ไม่!






 
          หงุดหงิดกับความลามกของเขาฉิบเมื่อไรจะหลุดพ้นบ่วงบ้าๆนี่เสียทีฉันรีบแต่งตัวและหาเสื้อผ้าที่ใส่ง่ายๆดีที่โทโมะเป็นคนเอวเล็กอย่างน้อยกางเกงวอร์มของเขาก็สามารถรูดเชือกให้แน่นขึ้นได้ในระดับนึงฉันแต่งตัวเรียบร้อยชุดชั้นในที่เขาซื้อมาให้ฉันกลับพอดีไซส์หน้าอกฉันอย่างน่าแปลกใจเขาเชี่ยวชาญทางด้านนี้สินะ -_-






 
          ฉันที่กำลังจะเปิดประตูออกไปด้านนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีคีย์การ์ดคอนโดของเขาวางอยู่ที่หัวเตียงฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหยิบก่อนจะเก็บมันไว้ที่เสื้อชั้นในเงียบๆเรื่องนี้เขาจะรู้ไม่ได้ไม่งั้นฉันก็ไม่ได้ออกไปสู่โลกกว้างด้านนอกน่ะสิพอฉันจัดการเรื่องขโมยคีย์การ์ดเสร็จก็รีบออกนอกห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น




 
 
          โทโมะมองมาที่ฉันในขณะที่ฉันกำลังเดินมานั่งโซฟาคู่ใจของเขาฉันหุบปากสนิทภายในห้องมีเพียงเสียงแอร์เบาๆกับเสียงโทรทัศน์ที่เขาเปิดเกี่ยวกับข่าวบันเทิง




 
 


 
          “มองไร” ฉันถามเขาแต่ตาของฉันยังคงจ้องทีวีนิ่งฉันแอบเหลือบเห็นเขามองมาน่า






 
          “มองแฟนไม่ได้หรือไง”






 
          “ใครแฟนนายวะ” ฉันที่ได้ยินอะไรไม่ค่อยเข้าหูก็หันไปทางเขาเพื่อด่าทอกับความมโนล้ำแต่อยู่ๆเขาก็โน้มหน้ายื่นมาที่ฉันจนเกือบติดหน้าฉันแน่ะ






 
          “อะอะไร!”






 
          “เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะว่าเรา…”






 
          “ช่างมันไม่เกี่ยวฉันไม่นับ”






 
          ฉันรีบปัดก่อนจะหันกลับไปดูทีวีที่ข่าวเกี่ยวกับศิลปินนักร้องชื่อดังกำลังคั่วนางแบบไปที่หัวหินฉันพยายามตั้งใจดูข่าวอย่างว่าแต่ในสมองอนนี้กลับโยงไปที่คำพูดมโนของเขาอย่างเดียวอย่าคิดๆไม่คิดๆ






 
          “ถ้าฉันให้เธอโทรหาแฟนอีกครั้งเธอจะโทรมะ”






 
          อยู่ๆโทโมะก็เอ่ยข้อเสนอที่ฉันสนใจอย่างจริงจังขึ้นมาเขาชูมือถือตัวเองเป็นเชิงยั่วกิเลสฉันฉันที่หัวหมอเล่นทีเผลอทำท่าจะคว้าโทรศัพท์ในมือโทโมะก็ต้องพลาดเพราะเขาดันเบี่ยงหลบได้ทัน






 
          “โทรเอามาสิ” ฉันไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอเป็นใครใครก็ต้องเอาอะ







 
          “ให้โทรแล้วห้ามเล่นตุกติกเหมือนครั้งที่แล้วอีกเข้าใจ๊?”






 
          พูดดักอีก!






 
          ฉันพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมพยักหน้ารับปากไปโทโมะยิ้มอย่างมีเล่ห์ก่อนเขยิบมาใกล้ฉันจะทำอะไรอีก…






 
          “เอามือถือมาสิจะขยับมาทำไม”






 
          “แค่นี้รังเกียจเหรอ” โทโมะถามด้วยสีหน้าเหนือ






 
          “เปล่า” ฉันรีบพูดตัดความคิดของเขา






 
          “แค่ขยะแขยง”






 
          “โอเคไม่ต้องโทร” โทโมะผละตัวออกจากฉันทันทีเขาเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดอะไร






 
          “เดี๋ยวสิงอนหรือไง” ฉันยื้อข้อเสนอต่ออย่างด่วนแค่พูดแทงใจนิดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้






 
          “พูดเพราะๆอ้อนวอนหนักๆฉันจะให้”
 
 






 
          โทโมะเริ่มตีข้อเสนออันใหม่ขึ้นมางัดข้อกับฉันจะไม่อยากโทรหาต้าร์มันก็จะกังวลว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรเขามาหาฉันที่คอนโดหรือเปล่าหรือกำลังแจ้งตำรวจแทนพ่อแม่ฉันไปแล้ว






 
          “โทโมะขอโทรศัพท์หน่อย…ค่ะ” ฉันยื่นมือไปพร้อมกับพูดเบาๆห้วนๆแต่ลงหางเสียงเป็นออปชั่นเสริมดูเหมือนว่าคนถูกอ้อนวอนจะทำตัวหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันขอไปเมื่อกี้







 
          “ฉันขอดีๆแล้วนะไอ้ปลาดิบ”






 
          ฉันเริ่มเดือดควันออกหูหน้าร้อนผ่าวไปหมดล่ะจะเล่นตลกอะไรนักหนาน่ารำคาญ






 
          “ไม่ต้องเอาปากดี” โทโมะพูดในขณะที่ตาก็มองโทรทัศน์ชิว







 
          “โทโมะขา…” และสุดท้ายฉันก็แพ้เขาจนได้!






 
          “เค้าขอโทรหาแฟนเค้าหน่อยน้าโทโมะคุง -3-“






 
          ฉันกำมือทุบที่แขนเขาเบาๆเป็นโมเอะสไตล์แต่ดูแล้วคล้ายคนปัญญาอ่อนกำลังขอกินนมยังไงไม่รู้โทโมะปรายตามองมาที่ฉันนิ่งเขาดูเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับการแสดงของฉันสักนิด






 
          “อยากโทรหามันมากถึงขนาดไม่ยอมถอดใจยอมแพ้เลยเหรอ”






 
          “อือใครๆก็ต้องรักแฟนปะคิดถึงแฟนอยากโทรหาแฟนต่อให้มีอุปสรรคเราก็ต้องข้ามไปหาแฟนปะ” ฉันพูดอ้างข้อเท็จจริงของคนติดแฟนแบบฉันทันที






 
          “ทั้งๆที่เธอไม่เคยมีอะไรกับมันแต่มีกับฉันเนี่ยนะ” โทโมะพูดเสียงแข็งดรอปลงอย่างเห็นได้ชัดฉันทำอะไรเถียงอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับเขาไป






 
          “ฉันกับนายแค่ความสัมพันธ์ชั่ววูบแต่สำหรับฉันกับต้าร์เราคบกันคุยกันมานานกว่าจะคบกันได้” อยู่ๆฉันก็เล่าเรื่องแฟนใส่หน้าโทโมะดื้อๆ






 
          “ฉันกับเขาไม่เคยทะเลาะกันเขาไม่เคยขอมีอะไรกับฉันเขาทำทุกอย่างเพื่อฉัน”






 
          “…”






 
          “และที่สำคัญนะโทโมะ” ฉันจ้องหน้าโทโมะเมื่อเห็นเขาเงียบตั้งใจฟัง






 
          “เขาไม่เคยทำร้ายความรู้สึกฉันแม้แต่นิดเดียว”






 
          “อืม” คำสั้นๆเอ่อยออกจากปากโทโมะแค่นั้นเขาล้วงมือถือออกมาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ส่งให้ฉันอยู่ดี






 
          “ให้เธอโทรหาแฟนเธอก็ได้”






 
          โทโมะพูดรับปากจนฉันต้องเบิกตาเพราะความดีใจฉันที่จะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์อีกครั้งเขาก็ยังไม่ให้ฉันอีกอยู่ดี






 
          “เอามาสิลีลาทำไม”






 
          “แต่มีข้อแม้...”






 
          “อะไร” ฉันเริ่มใจคอไม่ดีเมื่ออยู่ๆเขาก็เริ่มเล่นตุกติกกับฉันแทน






 
          “โทรไปบอกเลิกมันซะ”

 
 
 
มาอัพแล้วเม้นโหวตกันหน่อยน๊า
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา