เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.78K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) บทที่ 2 ข่าวหน้าหนึ่ง_6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก




เล่ห์กลรักเงาอสูร
 
บทที่ 2  ข่าวหน้าหนึ่ง_6
 
                “เรื่องทั้งหมดที่ผม พอจะจดจำได้ก็มีเท่านี้ ล่ะครับ” ภูผาจับจ้องมองหน้าธเนศและวรนุช อย่างไม่คิดอยากจะเล่าเรื่องราวอะไรเพิ่มเติมให้ใครได้รับฟังอีกแล้ว
            “นายให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่าอย่างไรบ้างภูผา” หลังจากสามวันที่ได้รับการรักษาบาดแผลโดนยิงจนเริ่มจะหายดี ภูผาเริ่มสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงพอที่จะให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แล้ว และสิ่งที่ภูผาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก็ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกผสมกับเรื่องจริง อย่างเช่นเดียวกันกับที่โรสิลีและพรรคพวกนักแสดงกำลังกระทำกันอยู่ในขณะนี้
            “ผมก็แค่บอกเล่าไปว่า ผมใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายเพื่อป้องกันตัวเอง และอาจจะมีคนตายไปด้วยหนึ่งคนก็เท่านั้น” ภูผาจับจ้องมองใบหน้าอันซีดเซียวของมินตรา ภายหลังจากเขาบอกเล่าทุกคนว่าเขาเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงคนตาย น้ำเสียงอันเย็นชาไร้ความรู้สึกของมินตราส่งเสียงดังขึ้นในทันที
            “คุณควรพูดความจริง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฉันพร้อมที่จะไปให้ปากคำตามความเป็นจริง” สิ่งที่ภูผาเกรงกลัวที่สุดก็ คือการได้เห็นมินตราตกเป็นเหยื่อของหัวข้อข่าวหน้าหนึ่งอย่างเช่นเดียวกันกับเขา มินตรามีความลับอย่างมากมายยากที่ใครจะสามารถสืบค้นหาประวัติอันแท้จริงได้ และต่อไปมินตราจะต้องถูกขุดคุ้ยประวัติทั้งในอดีตและปัจจุบัน ภูผาเกรงกลัวว่าหากวันใดมินตราถูกเปิดโปง เธอก็อาจจะเริ่มคิดหลบหนีจากเขาไป มินตราไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายอย่างที่ภูผาเคยคาดคิดไว้ตั้งแต่ในครั้งแรก มินตรายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยปกป้องชีวิตของเขาเอาไว้ มินตราต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ถึงได้คิดที่จะทำลายครอบครัวของเขา ในเวลานี้ภูผาต้องการอยากจะสืบค้นหาคำตอบให้ได้โดยเร็วเสียจริงๆ
            “คุณจะตกเป็นหัวข้อข่าว คุณพร้อมจริงๆ หรือครับ” ภูผาตั้งคำถามขึ้นอย่างไม่คิดจะเชื่อถือในคำพูดของมินตราเลยแม้ต่อน้อย
            “ฉันไม่กลัวเป็นข่าว”
            “ผมไม่เชื่อคุณ” ภูผาตะโกนเสียงดังอย่างรู้สึกสับสนเข้าใส่มินตราตรงๆ ด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดเหมือนไม่ใช่ภูผาที่มินตราเคยรู้จักมาก่อน ภูผาเมื่อเวลาเอาจริงเอาจังก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากธเนศพี่ชายเลยแม้แต่น้อย
            “คุณลึกลับ คุณแข็งกระด่าง คุณไร้อารมณ์ความรู้สึก คุณเห็นผมและครอบครัวของผมเป็นศัตรูของคุณ คุณกล้าที่จะปฏิเสธผมไหมล่ะครับ” ธเนศและวรนุชต่างก็ต้องการอยากจะรับฟังคำตอบจากมินตราด้วยเช่นเดียวกัน แม้ธเนศและวรนุชจะไม่ได้ซักถามมินตราออกมาตรงๆอย่างเช่นที่ภูผากำลังทำอยู่ก็ตาม
            “ผมถามคุณว่า คุณกล้าที่จะปฏิเสธผมไหมครับ ผมรับรู้มาว่าคุณเกลียดพวกเราทุกคนรวมถึงผมด้วย แต่เมื่อผมตกอยู่ในอันตรายคุณกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ามาช่วยชีวิตของผมเอาไว้ ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณเลยจริงๆ ครอบครัวของผมไปทำอะไรให้คุณต้องเจ็บปวด หรือต้องเจ็บแค้นใจ ตอบผมให้เข้าใจหน่อยได้ไหมครับ คุณมินตรา” ภูผาจับจ้องมองมินตราอย่างต้องการรอคอยคำตอบจากหัวใจที่กำลังสับสนอยู่จริงๆ
            “ฉันต้องการอยากจะทำให้พวกคุณได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด ทุกข์ใจ ทรมานใจ มันคือความจริง” การยอมรับออกมาตรงๆ ของมินตรามันทำให้พี่น้องตระกูลเกียรติภูมินต์ ต่างตกใจและแปลกใจอยู่ไม่น้อย และน้ำเสียงตลอดจนแววตาของมินตราก็ดูซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น
            “ทำไม” ธเนศถามออกไปเสียงดัง
            “แก้แค้น” มันคือคำตอบสั้นๆ และได้ใจความด้วยเช่นเดียวกัน
            “คุณต้องการแก้แค้นให้ใคร” ธเนศสอบถามต่อไปทันที
            “ถ้าฉันตอบคำถามของคุณ คุณธเนศยินดีจะให้ฉันได้รับแก้แค้นพวกคุณไหมล่ะค่ะ” มินตราจับจ้องมองใบหน้าธเนศอย่างตรงๆ อย่างต้องการคำยืนยัน
            “คุณคงไม่ได้ต้องการจะเอาหุ้นที่ คุณถืออยู่ในมือ ออกขายเพื่อให้บริษัทผมล้มละลายหรอกนะครับ”
            “ไม่” คำตอบคำเดียวสั้นๆ แต่หนักแน่นมั่นคง
            “ผมจะยอมลองเชื่อคุณ ถ้าผมยินยอมจะให้คุณได้แก้แค้น คุณจะแก้แค้นใครเป็นคนแรกครับ” ธเนศถามคำถามออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนร้อยยิ้มเหมือนกำลังต้องการอยากจะให้มินตราได้แก้แค้นเขาเป็นคนแรก
            “คุณ” เป็นอย่างที่ธเนศคาดคิดเอาไว้จริงๆ
            “คุณแน่ใจนะครับ ถ้าคุณได้แก้แค้นผมและพวกเราครบหมดทุกคนแล้วมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้มาจริงๆ”
            “มันก็ควรน่าจะเป็นอย่างนั้น” มินตราตอบคำถามอย่างไม่มีความมั่นใจมากมายนัก เพราะสิ่งที่มินตราทำมันลงไปทั้งหมด ก็เพื่อความเจ็บปวดที่ได้เห็นมารดาของเธอรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดของมารดายังคงติดค้างคาอยู่ภายจิตใจตลอดจนในความรู้สึกของเธออย่างยากที่จะลืมเลือนหรือลบเลือนมันออกไปจากจิตใจได้ หากวันใดเธอสามารถที่จะลบเลือนลืมเลือนภาพแห่งความทรงจำอันแสนเจ็บปวดของมารดาของเธอออกไปจากจิตใจได้ เธอก็คงจะมีความรู้สึกดีขึ้นได้อย่างจริงๆ และไม่ต้องการอยากที่จะคิดแก้แค้นกับใครอื่นอีกต่อไป
            “อย่างนั้นตอบผมมา คุณต้องการที่จะแก้แค้นให้กับใครกัน” ธเนศตั้งคำถามขึ้นอีกครั้ง
            “มาวิณ ตรีเตชะมร และกานดา ตรีเตชะมร บิดามารดาของฉันเอง” คำตอบภายใจจิตใจที่ยังไม่ต้องการอยากจะตอบมันออกมาในเวลานี้
            “ฉันจะตอบคำถามกับคุณคนเดียวในวันพรุ่งนี้ เพราะฉันตั้งใจที่จะแก้แค้นคุณเป็นคนแรก และเรื่องที่ฉันจะบอกเล่าให้กับคุณได้รับฟัง มันจะต้องเป็นความลับระหว่างพวกเราสองคนเท่านั้น คุณยินยอมที่จะรับเงื่อนไขของฉันไหมล่ะค่ะคุณธเนศ” ภูผาและวรนุชจับจ้องมองมินตราอย่างไม่อย่างจะเชื่อว่าผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ จะเต็มไปด้วยพิษร้าย และหนาดแหลมคมที่แสนจะน่ากลัวได้มากมายขนาดนี้
            “ตกลงพรุ่งนี้ผมยินดี และพร้อมยินยอมจะรับเงื่อนไขของคุณทุกข้อ ขอแต่เพียงคุณไม่คิดจะขายหุ้นของคุณก็พอ” ธเนศจับจ้องมองหน้ามินตราตรงๆ อย่างให้คำมั่นสัญญาผ่านทางคำพูดและแววตาที่จริงจัง
            “อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันก็จะขายหุ้นกลับคืนให้กับคุณ 5 เปอร์เซ็นต์ คุณคงจะพอใจนะคะคุณธเนศ เพื่อแลกกับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานที่คุณอาจจะได้รับในอนาคตข้างหน้า” ธเนศรู้สึกนึกหวาดกลัวในคำพูดข่มขู่ของมินตราแม้จะยังไม่รู้ว่ามินตราจะทำสิ่งใดกับเขาก็ตาม
            “ตกลงมันเป็นข้อเสนอที่ดีหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์จากคุณมันจะทำให้บริษัทของผมมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มคนที่ไม่หวังดีที่กำลังปั่นหุ้นของบริษัทผมอยู่ก็คงเลิกล้มแผนการเลวร้ายนั้นไปเอง จริงไหมครับคุณมินตรา”
            “ก็คงเป็นอย่างนั้น” มินตราตอบโดยไม่คิดจะมองหน้าธเนศอาจจะเป็นเพราะมินตรากำลังเกิดอาการร้อนตัวก็เป็นได้
            “ดีครับ ที่คุณยืนยันออกมาตรงๆ ” ธเนศแย้มยิ้มอย่างรับรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดีว่ามินตราต้องมีส่วนในการปั่นหุ้นของบริษัทของเขาด้วยอย่างแน่นอน เพียงแต่เขายังหาหลักฐานมามัดตัวเธอไม่ได้ก็เท่านั้น
            “ในวันพรุ่งนี้อะไรหลายๆ อย่างระหว่างพวกเรามันคงจะเริ่มดีขึ้นใช่ไหมครับ คุณมินตรา เจ.คราส” ภูผาพูดแทรกขึ้นมาอย่างต้องการคำยืนยัน
            “ค่ะ ระหว่างพวกเรายังคงเหมือนเดิม ฉันยินดียังจะเป็นเพื่อนกับพวกคุณทุกคน แต่สำหรับพี่ชายของพวกคุณอาจจะมีบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไป พวกคุณพี่น้องคงจะไม่คิดโกรธเกลียดฉันหรอกน่ะค่ะ หากพี่ชายของพวกคุณจะต้องทุกข์ใจ ทรมานใจ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะพี่ชายของคุณยินยอมที่จะให้ฉันได้แก้แค้นเขาเอง และมันก็เป็นการแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อที่พี่ชายของพวกคุณ ยินดีจะแลกเปลี่ยนกับมันเอง จริงไหมค่ะคุณภูผา คุณวรนุช” ภูผาและวรนุชต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและอย่างหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้
            “อย่างนั้น วันนี้พวกเราหยุดที่จะพูดคุยเรื่องเครียดๆ กันเถอะนะค่ะ พวกเรามาสนใจคุณโรสิลีออกรายการสัมภาษณ์สดเบรกสุดท้ายกันต่อเถอะค่ะ” ทุกคนต่างพากันปรับสภาพตามคำพูดของมินตราได้อย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีใครที่คิดสิ่งใดออกเกี่ยวกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับฟังมาอย่างสดๆ ร้อนๆ ดังนั้นทุกคนจึงต่างพากันหันหน้าจับจ้องมองตรงไปยังจอทีวีกันอีกครั้ง อย่างไม่ต้องการอยากจะรับชม รับฟังเรื่องราวการให้สัมภาษณ์ของโรสิลีอีกต่อไป มีแต่ ภูผา เกียรติภูมินต์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงเสแสร้งแกล้งทำเป็นให้ความสนใจและอยากจะรับชม รับฟังรายการสัมภาษณ์สดของโรสิลีอยู่ต่อไปอีก เสียงผู้ดำเนินการการก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
 
........................................



 
-จบตอนที่ 2-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา