เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.67K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่ 2 ข่าวหน้าหนึ่ง_3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก




เล่ห์กลรักเงาอสูร
 
บทที่ 2  ข่าวหน้าหนึ่ง_3
 
            อาชีพพิธีกรถือเป็นงานที่วีรยุทธหลงรักและภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต วีรยุทธต้องผ่าฝันขวากหนาดร้อยแปดพันเก้า กว่าจะมีโอกาสได้มาดำเนินรายการและเป็นพิธีกรรายการตีสิบเอ็ด วีรยุทธเคยสัมภาษณ์บุคคลสำคัญหรือเหล่าแวดวงสังคมคนดังมาแล้วมากมายนับสิบนับร้อยคน แขกรับเชิญที่เคยเชิญมาออกรายการล้วนแล้วแต่น่ารักน่านับถือ และเป็นกันเองทำให้วีรยุทธชื่นชอบงานพิธีกรอย่างคลั่งไคล้หรืออาจจะเรียกได้ว่าอย่างฝังจิตฝังใจเลยก็ว่าได้  จน ณ เวลานี้ วีรยุทธก็ยังไม่คิดอยากจะเปลี่ยนแปลงอาชีพงานพิธีกรของตนเองไปทำอาชีพอย่างอื่น จนกระทั้งการสัมภาษณ์ดาราสาวสวยนามว่าโรสิลีและเพื่อนพ้องมันทำให้แนวความคิดของวีรยุทธเริ่มสั่นคลอนลง
            “จะต้องควบคุมสติไว้ให้ดี”
            “จะต้องกลับเข้าเนื้อหาหลักให้จงได้”
            “จะต้องไม่พาเนื้อหาหลักออกสู่ท้องทะเลอ่าวไทย หรือทะเลน้ำลึก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางกลับเข้าหาฝั่งได้อย่างแน่นอน”
            “จะต้องหยอดมุกตลกให้น้อยลงไม่อย่างนั้น ยัยแพนดาตัวแสบมันต้องพามุกตลกของเขาออกสู่ทะเลอันดามันของมันจริงๆ อย่างแน่นอน”
เมื่อวีรยุทธลำดับแนวความคิดเอาไว้ภายในจิตใจได้อย่างเรียบร้อยดีแล้ว วีรยุทธจึงเริ่มเปิดรายการเบรกที่สองในทันที เสียงตบมือและเสียงโห่ร้องยังคงส่งเสียงดังหวั่นไหวอยู่เช่นเดิม แขกรับเชิญก็ยังคงนั่งโชว์ความหล่อความสวยอยู่เช่นเดิมด้วยเช่นกัน ยกเว้นแต่ยายแพนดาตัวแสบที่ยังคงนั่งส่งสายตาอันหยาดเยิ้มให้กับเขาอยู่เป็นระยะๆ นอกนั้นก็ยังคงทำตัวกันอย่างเป็นปกติเหมือนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาโดยทั่วไป
“หลังจากแนะนำตัวกันไปจนครบในเบรกแรกของรายการไปแล้ว ในเบรกนี้เราจะมาเข้าเรื่องราวเนื้อหาหลักกันเลยนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของผู้ชมทั้งในห้องส่งและผู้ชมจากทางบ้าน ผมขอให้คุณโรสิลีช่วยเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยได้ไหมครับ” โรสิลีที่กำลังวางท่าทางอย่างสวยสง่าเริดลอย เริ่มคลีรอยยิ้มหยาดเยิ้มอย่างสวยงามที่สุด แล้วเริ่มจับจ้องมองเพื่อนๆ ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันกับเธออย่างอยากจะรู้ว่าใครที่จะอาสาเป็นคนเล่าเหตุการณ์ตอนเริ่มต้นแทนเธอได้บ้าง เพราะโรสิลีเธอต้องการอยากจะเล่าฉากตอนจบของเหตุการณ์มากกว่า แต่รู้สึกว่าจะไม่มีเลยสักคนรับอาสา
“นี่ยัยแพนดา..อุ๊ย!! คุณแพนดาเธอช่วยเล่าตอนเริ่มต้นหน่อยเถอะนะ เพราะเธอคนเดียวเป็นตัวตั้งตัวตีพวกเราถึงได้ต้องไปอยู่ยังไอ้ผับบ้าๆ นั้นกัน” แพนดาเอานิ้วเล็กๆ ชี้ที่หน้าอกของตัวเองอย่างนึกสงสัยและตกใจเพราะตั้งตัวไม่ทัน
“ฉันหรือเป็นตัวตั้งตัวตี ไม่จริ๊ง...ไม่จริง เธอเองต่างหาก” แต่เห็นกับความเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่เคยเห็นไส้เห็นพุงกันมาก่อน แพนดาจึงไม่คิดอยากจะแฉลักษณะนิสัยเสียๆ ของโรสิลีให้แก่ใครได้รับรู้ จึงลื่นไหลตามสายน้ำลาย ที่โรสิลีโยนมุกร้อนๆ ส่งให้ พร้อมลำดับความคิดของเรื่องราวโกหกผสมกับเรื่องจริงเอาไว้ภายในจิตใจแล้วจึงเริ่มเล่ามันออกมาอย่างมืออาชีพ
“จริงด้วยค่ะ แพนดาเป็นคนเริ่มต้นชวนเพื่อนๆ ออกไปเที่ยวเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์เองล่ะฮ่ะ” ทุกคนต่างจับจ้องมองอย่างต้องการอยากจะรู้ว่าแพนดาจะพูดอะไรต่อไป
“อย่างไรต่อไปครับคุณแพนดา” พิธีกรรีบตั้งคำถามขึ้นเพื่อเร่งให้แพนดารีบเล่าต่อไป
“แพนดาขอเท้าความก่อนนะค่ะ”แพนดากำลังตั้งใจใช้ความคิดเพื่อลำดับเรื่องราวที่จะเล่ามันออกมาอีกครั้ง
“เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่กองถ่ายละครเรื่อง “พยัคฆ์สาวจับตายเจ้าชายกบ” ที่พวกเราร่วมกันแสดง ก็มีโรส”  แพนดาชี้นิ้วไปยังเพื่อนรักที่กำลังนั่งสงบนิ่งจับจ้องมองอยู่ พร้อมชี้นิ้วเรียงตัวไปที่ละคน แล้วเริ่มเล่าต่อไป
“โรสเพื่อนรักของแพนดา เธอรับบทเป็นนางเอกของเรื่อง ส่วนแทนไทแสดงเป็นพระเอกของเรื่อง แล้วแพนดาก็แสดงเป็นเพื่อนสนิทของนางเอง” แพนดาหยุดพักลมหายใจพร้อมจับจ้องมองตรงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของพิธีกร อย่างอยากจะรับรู้ว่าเข้าใจในเรื่องที่เธอกำลังเล่าหรือเปล่า
“คุณวีรยุทธพอจะเข้าใจไหมค่ะ ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวแพนดาจะเล่าทวนให้ฟังอีกสักรอบก็ได้”
“เข้าใจครับ เล่าต่อไปเถอะครับ” พิธีกรรีบเร่งรัดให้แพนดาเล่าต่อไปเพราะหากปล่อยเอาไว้เนินนาน ยายแพนดาตัวแสบอาจจะพาเรื่องราวออกสู่ทะเลน้ำลึกไปอีกก็ได้
“โรสรับบทเป็นพยัคฆ์ร้ายสาวสวยที่มีชื่อรหัสว่าหลินปิง ส่วนแทนไทรับบทเป็นเจ้าชายกบที่มีชื่อรหัสลับว่าเคโรโระ ส่วนแพนดาขออุบไว้ก่อนนะค่ะ ถ้าเล่าออกไปแล้วเดี๋ยวละครจะไม่สนุก”
“ตกลงว่าคุณเธอจะมาโปรโมทละครหรือมาให้เขาสัมภาษณ์ออกรายการสดกันแน่ล่ะเนี่ย”
  พิธีกรรูปหล่อเริ่มออกอาการอารมณ์เสียแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้กับแขกรับเชิญได้เห็นลักษณะอาการอันผิดปกติ ส่วนโรสิลีกับแทนไทต่างแย้มยิ้มจนหน้าบานเป็นกระดง ที่ผลงานของตัวเองได้รับการโปรโมทออกรายการสด ก่อนที่ละครจะออกสู่สายตาของประชาชนจริงๆ เรื่องทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้กับยายแพนดาเพื่อนรักไปเต็มๆ โรสิลีและแทนไทนึกขอบอก ขอบใจแพนดาอยู่ภายในจิตใจลึกๆ
“คุณวีรยุทธเข้าใจไหมค่ะ ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวแพนดาจะเล่าทวนให้ฟังอีกสักรอบก็ได้” แพนดาสอบถามซ้ำคำเดิมๆ อีกครั้ง และพิธีกรหนุ่มหล่อก็ตอบกลับซ้ำคำถามเดิมๆ อีกครั้งด้วยเช่นเดียวกันและแอบซ่อนอารมณ์ความหงุดหงิดเพิ่มเข้าไปในน้ำเสียงด้วยเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วครับ เล่าต่อไปเลยครับ” ตอบเสียงดังและหงุดหงิด
“ค่ะ ค่ะ เล่าแล้วค่ะ อย่าเร่งมากซิค่ะ”
“เพราหนูจะคิดเรื่องโกหกไม่ทัน” ประโยคที่แพนดาไม่กล้าจะพูดมันออกมา แต่พิธีกรหนุ่มก็สามารถจะจับพิรุธได้ด้วยสัญชาตญาณพิธีกรมืออาชีพ แต่ไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาด้วยเช่นเดียวกัน จึงปล่อยให้ยายแพนดาจอมโกหกสร้างเรื่องจริง ผสมเล่าเรื่องเท็จหลอกลวงต่อไป
“ในเรื่อง “พยัคฆ์สาวจับตายเจ้าชายกบ”  มันจะมีฉากบู้ ฉากการฆ่ากัน ฉากยิงกันเยอะแยะมากมาย โรสผู้รับบทบาทพยัคฆ์ร้ายหลินปิง จะต้องยิงปืนเก่ง จะต้องวิ่งไล่ล่าเข่นฆ่าผู้ร้ายและต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกพ่อค้ายาเสพติด พวกหัวขโมย ตลอดจนพวกสถานบริการต่างๆ เช่นในผับ บาร์เหล้า บาร์เบียร์ ตลอดจนแหล่งอบายมุขต่างๆ ร้อยแปดพันเก้า แต่พวกเราในชีวิตจริงๆ ไม่เคยได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเคยได้ไปสัมผัสกับแหล่งอบายมุขเหล่านั้นเลย” แพนดาโกหกได้อย่างแนบเนียนดีจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าผับ เข้าบาร์ จะมีสถานที่แห่งไหนบ้างที่โรสิลีและกลุ่มเพื่อนพ้องไม่เคยจะไปมาก่อน เหนือ ใต้ อีสาน ออก ตก พวกเธอพากันไปจนครบหมดแล้วทุกที่ จนโรสิลี แทนไทย และน้ำหวาน ต้องนึกชื่นชมในคำพูดโกหกของยายแพนดาอย่างนึกคารวะ ที่สามารถโกหกได้อย่างแนบเนียนจนได้หัวใจของเพื่อนๆ ไปครอบครอง ดั่งนั้นทุกคนจึงต่างพากันแย้มยิ้มอย่างเห็นพ้องต้องกัน เพื่อสนับสนุนเรื่องเล่าของแพนดาอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมตั้งอก ตั้งใจฟังแพนดาเล่าเรื่องราวโกหกต่อไปอีก
“วันนั้นหลังจากพวกเราถ่ายละครกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราจึงพากันออกไปท่องเที่ยวตามสถานบริการ”
“หลายแห่ง” แพนดาไม่ได้พูดมันออกไปเพราะกลัวว่าจะทำให้เสียภาพพจน์ของดาราขวัญใจประชาชน โดยเฉพาะภาพพจน์ของโรสิลี และแทนไทที่กำลังเป็นดาวรุ่งมาแรงจึงหยุดเอาไว้ที่สถานบริการเพียงแห่งเดียว แล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไปอย่างลื่นไหลอย่างสายน้ำที่ไหลลงจากที่สูงลงมาถึงที่ต่ำ หรือจากยอดเขาและโขดหินอันสู่ชัน ลงสู่ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง เบื้องล่าง
“เพื่อที่เก็บเกี่ยวหาประสบการณ์ พวกเราจึงพากันตรงไปที่ผับแห่งหนึ่งใจกลางเมือง พวกเราไปนั่งดื่มเหล้า เบียร์” แพนดาทำท่าทางตกใจอย่างร้อนรน แต่ก็ปรับตัวแก้ไขสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างทันท่วงทีอย่างนักแสดงมืออาชีพ
“อุ๊ย!! พวกเราไปนั่งดื่มน้ำส้มคั่นกัน ไม่ได้ดื่มเหล้า หรือเบียร์เลยสักแก้ว คุณพิธีกร-ขาต้องเชื่อแพนดานะ-ข๊า” น้ำเสียงแพนดาออดอ่อนอย่างสาวสวย ที่เลือกกินได้แม้แต่กับผู้ชายแท้ๆ อย่างเช่นพิธีกรหนุ่มรูปหล่อประจำรายการด้วยก็ตาม
“ถ้าฉันเชื่อเธอ ฉันขอกลับบ้านไปไถ่นาเลี้ยงควาย ไม่ดีกว่าหรือไง”  มันคือความคิดภายในจิตใจของพิธีกรประจำรายการแต่ก็ไม่กล้าจะพูดมันออกมาอีกเช่นเคย
“ครับ ผมเชื่อคุณแพนดา คุณแพนดาเล่าต่อไปเถอะครับ” พิธีกรยังคงรีบเร่งต่อไป
“ค่ะๆ รับรู้แล้วค่ะคุณวีรยุทธ-ข๊า อย่าเร่งแพนดามากซิค่ะ”
“เพราะเดี๋ยว แพนดาจะโกหกผิดๆ ถูกๆ เพื่อนๆ ของแพนดาจะต่อบทต่อกันต่อไปไม่ได้อ่ะค่ะ” แพนดาคิดมันอยู่ภายในจิตใจแต่ไม่กล้าจะพูดมันออกมาด้วยเช่นเดียวกัน มันคือโชคดีหรือสวรรค์จงใจจะช่วยเหลือแพนดาเอาไว้ เพราะทางสถานีตัดการสัมภาษณ์สดกลับเข้าสู่ช่วงพักโฆษณาสิบนาทีอีกครั้ง แพนดาดีใจอย่างสุดๆ จนแทบอยากจะกระโดดออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งตรงเข้าไปสวมกอด ตลอดจนมอบจุมพิตอันร้อนๆ ให้แก่พิธีกรหนุ่มรูปหล่อประจำรายการ จนหนำใจเลยทีเดียว แต่แพนดาก็ยังคงเกรงกลัวว่าพิธีกรหนุ่มรูปหล่อจะกระโดดถีบเธอกระเด็นกลับคืนมายังเก้าอี้ตามเดิม
“คุณวีรยุทธ-ข๊า ถึงช่วงพักเบรกโฆษณาอีกแล้วค่ะ”
“ครับ คุณแพนดา อย่างนั้นพวกเราก็ไปพักผ่อนกันและวางแผนการสัมภาษณ์กันต่อเถอะครับ”
“แหม๊ ..คุณวีรยุทธน่าจะทำอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรกนะค่ะ แพนดาจะได้รู้ตัวว่าตัวเองจะต้องเล่าเรื่องอะไรต่อไป”
“แต่เธอก็ทำได้ดีมากนะจ๊ะแพนดา” น้ำหวานพูดแทรกและยกยอเพื่อนฝูงอย่างไม่รู้สึกเกรงใจใครแม้แต่กับพิธีกรประจำรายการก็ตาม
“ขอบใจจ๊ะ น้ำหวาน แต่ยัยโรสเธอน่ะ ร้ายมากเลยนะจ๊ะ โยนเผือกร้อนๆ มันร้อนๆ ส่งให้ฉันแบบนั้นได้อย่างไรกัน” แพนดาต่อวาเพื่อนรัก ด้วยท่าทางไม่จริงจังมากนัก
“ก็ฉันมั่นใจในความสามารถของเธออย่างไรกันล่ะจ๊ะ แพนดา จริงไมจ๊ะ แทนไทน้ำหวาน” ทุกคนต่างแย้มยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน
 “นี่พวกเราเข้าไปในห้องพักผ่อนกันก่อนเถอะ จะได้แยกแยะหน้าที่กันให้ชัดเจนว่าใครควรจะเล่าเรื่องอะไร ไม่ต้องพากันมานั่งด้นสดๆ เดี๋ยวความลับจะแตกเอา” โรสิลีชักชวนเพื่อนๆแล้วจึงเริ่มจับจูงมือกันก้าวเดินออกจากโต๊ะ เก้าอี้ หน้ากล้องถ่ายทอดสด ที่พิธีการประจำรายยังคงนั่งหัวโด่อยู่ และผู้ชมในห้องส่งก็ต่างจับจ้องมองอยู่ด้วยเช่นกัน โรสิลีและเพื่อนพ้องก้าวเดินกลับเข้ามายังห้องพักผ่อนส่วนตัว ที่ทางรายการจัดเตรียมเอาไว้ให้ชั่วคราว โดยไม่ได้สนใจจะเหลียวแลหรือจับจ้องมองดูพิธีกรประจำรายการที่กำลังนั่งเอาฝามือเกาะกุมหน้าผากและคิดอะไรอยู่
“นี่ รายการของเขามันเป็นรายการตลก รายการขำขัน รายการโกหกหลอกลวงประชาชนไปแล้วหรือนี้ แต่ละคนฤทธิ์เดชแพรวพราว กันทั้งนั้น โกหกหลองลวงกันได้ดีอย่างกับสายน้ำไหลที่ตกจากหน้าผ่าอันสูงชันลงสู่ลำธาร จนคาดคิดไม่ถึงเลยทีเดียว จบกันแน่รายการดีๆ ที่เขาภาคภูมิใจนัก ภาคภูมิใจหนา”
“อย่างไงเขา ก็จะต้องดำเนินรายการให้จนจบโดยสมบูรณ์ให้จงได้” มันคือความคิดและอุดมการณ์ของพิธีกรหนุ่มประจำรายการ ก่อนที่จะเริ่มลุกก้าวเดินออกจากเก้าอี้ และกลับไปสู่ยังห้องพักรับรองเช่นเดียวกันกับกลุ่มแขกรับเชิญ แต่อีกมุมหนึ่งหลังกล้องถ่ายทอดสดอันห่างไกลหลายกิโลเมตร ภูผา เกียรติภูมินตร์ กำลังนั่งเอาฝามือเกาะกุมท้องและหัวเราะจนลำตัวงองุ้มอย่างชอบอกชอบใจ อยู่ข้างๆ กันกับพี่ชายและน้องสาวจนรู้สึกเจ็บบาดแผลที่โดนยิง แม้จะเริ่มหายสนิทดีแล้วก็ตาม
“ฮ่าๆๆ...ตลกดีว่าไหมครับ คุณมินตรา” แน่นอนว่าคนที่จะเข้าอก เข้าใจ และถึงอารมณ์ความรู้สึกของภูผาได้เป็นอย่างดีที่สุด ก็น่าจะเป็นมินตราเพราะเธอก็เข้าไปอยู่ร่วมด้วยในเหตุการณ์การต่อสู่ ด้วยเช่นเดียวกัน
“ตลกดี ใช่ไหมครับ คุณมินตรา” ภูผาถามคำถามซ้ำแบบเดิมอย่างยิ้มแย้มและสนุกสนาน
“ก็โกหกได้แนบเนียนดีพอสมควรค่ะ” เธอจับจ้องมองตรงไปยังธเนศในทันที ที่พูดจบประโยค แน่นอนว่าผู้ชายขี้โมโหต้องแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาบ้างล่ะ แต่ครั้งนี้กลับดูนิ่งๆ ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอเลย สงสัยว่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
“ผมก็ว่าโกหกได้แนบเนียนดีเหมือนกัน เหมาะสมแล้วที่ต่างก็เป็นดาราเจ้าบทบาทกันทุกคน” ธเนศยังนิ่งๆ อยู่เช่นเดิม อาจจะเป็นเพราะโรสิลียังไม่ได้เริ่มให้สัมภาษณ์เลยก็ได้ ส่วนวรนุช เมื่อเห็นพี่ชายนิ่งๆ ไม่ตอบโต้สิ่งใด ตัวเธอเองจึงนั่งนิ่งเงียบและรอรับฟังการสนทนาของภูผาและมินตราอยู่ต่อไปอย่างสนใจเช่นกัน
“คุณภูผาคิดว่า คุณโรสิลีเธอจะเล่าจนถึงเหตุการณ์ ตอนพวกเราสองคนถูกยิงไหมค่ะ” ภูผาส่ายหน้าพร้อมแย้มยิ้มตามลักษณะนิสัยขี้เล่นแล้วจึงตอบคำถามมินตรา
“คนนอนสลบไสลอยู่จะรับรู้เรื่องราวอะไร กันล่ะครับ นอกจากเธอจะเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน หรือจินตนาการเอาเอง” ธเนศ และวรนุช จับจ้องมองภูผาอย่างนึกสนใจในคำพูดและอยากที่จะรับฟังภูผาเล่าเรื่องราวต่อไป แต่สองพี่น้องจับจ้องมองเห็นเพียงแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของภูผา หรือของเด็กเลี้ยงแกะประจำตระกูลเกียรติภูมินตร์เท่านั้น
“เอาเรื่องจริงไว้ทีหลังเถอะครับ พวกเรามาฟังเรื่องโกหกของโรสิลีกันต่อไป อีกสักพักก่อนดีกว่า จริงไหมครับคุณมินตรา” มินตราแย้มยิ้มรับอย่างเห็นด้วย แต่ธเนศและวรนุช กับกำลังทำสีหน้าบึงตึงอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อของภูผา  แต่ภูผากับไม่คิดอยากจะรับมุขหน้าบึงตึงของพี่ชายและน้องสาว จึงจับจ้องมองตรงไปยังจอทีวีอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เช่นเดียวกันกับมินตรา เธอแย้มยิ้มอย่างนึกสนุกแล้วจึงจับจ้องมองตรงไปยังจอทีวีด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ธเนศและวรนุชต่างก็ต้องจำใจจับจ้องมองตรงไปด้วย อย่างกำลังถูกบังคับให้ต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
..........................................


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา