แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  30.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ทางที่ต้องเลือก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ 2 ทางที่ต้องเลือก

 

          “ก๊อกๆๆ คุณรินทร์คะลงไปทานข้าวค่ะ” สาวใช้ขึ้นมาเรียกไอรินทร์ที่ห้องนอน คนที่อยู่ข้างในได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับไป

          “ได้ยินแล้วเดี๋ยวลงไป” ไอรินทร์ตอบด้วยเสียงงัวเงียนิดหน่อย แล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าในห้องน้ำ

          ร่างอ้วนเดินลงมาจากบันไดแล้ว เห็นชายอายุสี่สิบแปดมีบุคลิกความเป็นผู้นำเต็มตัว กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งใจอยู่บนโซฟาตัวยาว ไอรินทร์เห็นดังนั้นจึงวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อทันที

          “พ่อกลับมานานแล้วยังคะ” ไอรินทร์ถามพ่อด้วยเสียออดอ้อน พลางเอาแขนตัวเองกอดแขนพ่อแล้วเอาหัวซบลงบนไหล่หนาของพ่อเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน

          “เพิ่งกลับมาได้สักพักแล้วละลูก” วิชัยตอบลูกสาวแล้วเอามือลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู

          “พ่อหิวแล้วยังคะ”

          “พ่อก็เริ่มหิวแล้วละงั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า” วิชัยตอบลูกสาว

          “ดีคะ” ไอรินทร์พูดแล้วลุกขึ้นไปพร้อมกับพ่อ

          “ผมขอทานข้าวด้วยคนนะครับ!” เสียงหนึ่งดังมาจากประตูเข้าบ้าน

          “อ้าว! ก้องมาทานข้าวด้วยกันสิ” คุณวิชัยชวนก้องภพ ในมือของเด็กหนุ่มตอนนี้ถือจานผัดเผ็ดสะตอกับหมู

          “ไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าไม่ได้ทำเผื่อคนแปลกหน้า” ไอรินทร์พูดใส่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ที่ประตูแล้วทำหน้าหงิก แค้นนี้ต้องชำระ

          “ทำไมพูดกับพี่อย่างนั้นละลูก” ประมุขของบ้านดุลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย

          “ไม่เป็นไรหรอกครับอาผมแค่เอาผัดเผ็ดที่แม่ทำมาฝากครับเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ก้องภพพูดแบบไม่ถือโทษไอรินทร์

          “ดีๆกลับไปเลยไปเร็วๆด้วยนะ แล้วไม่ต้องมาอีก” พร้อมกับโบกมือไล่เสริม

          “พูดไม่น่ารักเลย! อย่าเพิ่งกลับนะอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเพื่อเป็นการขอโทษที่รินทร์พูดไม่ดี” วิชัยพูดกับก้องภพ

          “ไม่ได้! รินทร์ไม่ให้ ขอโทษทำไมทีพี่ก้องแกล้งรินทร์ยังไม่เห็นขอโทษสักคำ” ลูกสาวไม่ยอมแพ้และกอดอก

          คุณวิชัยไม่สนใจที่เสียงลูกสาว แล้วเดินไปที่ก้องภพผลักไหล่ให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกัน

          “พ่อคะ!” ไอรินทร์ตะโกนตามหลังพ่อด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง พ่อนะพ่อนี่ลูกพ่อนะทำไมไม่เข้าข้างกันบ้าง

          ความอยากอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ในที่สุดก้องภพได้มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับสาวน้อยข้างบ้านตามที่ใจปรารถนาสำเร็จ หลังจากไอรินทร์ต่อล้อต่อเถียงกับพ่ออยู่ครู่ใหญ่ จนต้องจำยอมให้แขกที่จำเป็นต้องรับเชิญมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะด้วย อาหารมื้อเย็นบนโต๊ะอาหารวันนี้น่าตาน่ากินทุกอย่าง แกงเขียวหวานไก่ ผัดเผ็ดหมูกับสะตอ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดบรอคโคลีกับกุ้ง

          “กับข้าวหน้าทานจังเลยดูสิมีของโปรดของรินทร์ด้วย” พีรพัฒน์พูดขึ้นเพื่อให้น้องสาวหายทำหน้าบูดบึ้งเสียที

แล้วดูแขกที่จำเป็นต้องรับเชิญสินั่งยิ้มแป้นสบายอารมณ์ เห็นแล้วน่าโมโหจริงๆเลย

          “ค่ะน่าทาน แต่ถ้าจะให้น่าทานมากกว่านี้ถ้าไม่มีคนบางคนอยู่ที่นี้” ย่นจมูก ไอรินทร์พูดพลางหันหน้าไปทางแขกที่จำเป็นต้องรับเชิญด้วย ดูสิพูดขนาดนี้แล้วยังทำหน้าสบายๆอีก

          “แม่ว่าเรามาทานข้าวกันดีกว่านะลูก เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดจะไม่อร่อย” คุณวรรณวิภาเห็นแววไม่ค่อยสู้ดีจึงชักชวนสมาชิกทุกคนทานข้าว

          “ดีครับ!” ทุกคนพูดพร้อมกัน ยกเว้นแต่ไอรินทร์นี่แหละที่ยังทำหน้าบูดไม่หาย การรับประทานอาหารดำเนินมาได้ประมาณสิบนาที คุณวิชัยพูดขึ้นว่า

          “ปีนี้ลูกอยู่ ม.4แล้วใช่มั้ย” คุณวิชัยถามลูกสาว

          “ค่ะพ่อ” ไอรินทร์ตอบพ่อ ตอนนี้เธอเลิกทำหน้าบูดแล้วหันมาสนใจสิ่งที่บิดาพูดแทน

          “แล้วพออยู่มหา’ลัยละ อยากจะไปเรียนที่ไหนบ้าง”

               “หนูยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”                                         

               “ถ้ายังไม่ได้คิด พ่อแนะนำที่หนึ่งเอาไหม”

              “ที่ไหนเหรอคะ” ไอรินทร์ถามด้วยความอยากรู้

              “คือที่...”

              “ที่ไหนคะพ่อหนูอยากรู้ แล้วไกลไหมคะ” ไอรินทร์ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น

             “อังกฤษไงลูก” วิชัยตอบลูกสาว เท่านั้นแหละคำว่า ‘อังกฤษ’ ก็เข้าไปกระแทกหูทุกคนบนโต๊ะอาหาร สมาชิกทุกตนบนโต๊ะอาหารอึ้งและเลิกสนใจกับอาหารในจาน หันมาสนใจการสนทนาของพ่อลูกแทน โดยเฉพาะก้องภพที่อึ้งไม่แพ้กับไอรินทร์ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

             ‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย’ เด็กหนุ่มคิดในใจ

             “คุณคะ ทำไมให้ลูกไปไกลจังให้เรียนแค่ในประเทศไม่ได้เหรอคะ” คุณวรรณวิภาถามสามีและเกิดอาการหวงลูกสาวขึ้นมาทันตา

           “ผมมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับการส่งนักเรียนไปเรียนต่อที่อังกฤษลูกของเขาก็ไปเรียนที่นั้นด้วยเลยแนะนำมา ผมเห็นว่าน่าสนใจดีแล้วอีกอย่างรินทร์ก็ยังไม่เคยไปเมืองนอกเลยจึงอยากให้ลองไป เป็นไงสนใจไหมลูก” คุณวิชัยตอบภรรยาเสร็จจึงหันมาถามลูกสาว

             “ทำไมไม่ชวนผมบ้างละครับผมอยากไปนะพ่อ ชวนแต่น้อง” พีรพัตร์ตอบแทนน้องสา

             “ลูกไปมาเยอะแล้วอาร์มให้น้องไปบ้าง ไงรินทร์อยากไปไหม” วิชัยทำเสียงดุเล็กน้อยใส่ลูกชาย แล้วหันมาถามลูกสาวอีกครั้ง ส่วนพีรพัฒน์ทำหน้าหงอยทันทีหลังจากโดนดุ

             “น่าสนใจดีค่ะแต่หนูขอคิดก่อนนะคะว่าจะไปดีไหม” ไอรินทร์ตอบและยิ้มน้อยๆให้กับพ่อ

หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัวของตัวเอง พีรพัตร์ไปส่งก้องภพหน้าบ้าน

              “ก้องคืนนี้ดูบอลไหมวะ ทีมแมนยู แข่งคืนนี้นะโว้ย” พีรพัฒน์ชวนก้องภพดูฟุตบอลทีมโปรดของทั้งสองที่จะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์คืนนี้

             “เออวะคืนนี้รอบตัดเชือกแล้วนี้หว่าก็ดีเหมือนกันอีกสองวันจะถึงวันสอบเข้าแล้ว ดูบอลคลายเครียดหน่อย” ก้องภพตอบเพื่อนอย่างเห็นด้วย

             “เออ อย่าลืมแล้วกัน ส่งแค่นี้แหละไปแล้ว” บอกจบพีรพัฒน์ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเป็นการบอกลา

 

          ตอนนี้ไอรินทร์มานั่งดูทีวีในห้องนอนตัวเองแล้ว ซึ่งตอนนี้ในทีวีก็กำลังฉายภาพของนักร้องหนุ่ม ผิวขาวดูสุขภาพดี ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ตาชั้นเดียวคิ้วสีดำเข้ม ผมสีน้ำตาลทองซอยอย่างสวยงามเข้ากับใบหน้า สันชาติเกาหลีใต้คนหนึ่งที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุขแล้วโบกมือไปมาให้แฟนคลับอย่างอารมณ์ดี เวลาปกติไอรินทร์ก็จะนั่งดูและร้องเพลงตามอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้ภาพนักร้องหนุ่มสุดหล่อคนโปรดของเธอที่กำลังร้องเพลงอยู่ในจอสามสิบนิ้วกับเสียงเพลงเพราะๆที่เธอชอบเปิดมาฟังบ่อยๆก็ไม่ได้แล่นเข้ามาอยู่ในโสตประสาทของเธอเลยสักนิดเดียว ใบหน้าของไอรินทร์ก็กำลังครุ่นคิดเรื่องบนโต๊ะอาหารอยู่ ในหัวสมองของเธอตอนนี้มีแต่คำว่า ‘อังกฤษ’ อยู่ในสมอง

          ความจริงมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะตัวเธอเองไม่เคยก้าวเท้าออกนอกประเทศแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่พี่อาร์มที่ได้ไปต่างประเทศบ่อยที่สุด แล้วเธอนึกถึงหน้าใครบางคนที่ชอบล้อเธอเป็นประจำ

              “ทำไมฉันต้องคิดถึงหน้าไอ้พี่ก้องด้วยนะ” ไอรินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ นั่นสิทำไมต้องนึกถึงเขาด้วย จะไปเรียนที่อังกฤษมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย

ใจที่หนึ่งบอกว่า...ไปก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนกวนประสาทอย่างนั้น แล้วก็ไม่ต้องมาทนฟังเสียงล้อเธอทุกวันให้รำคาญใจ...

ใจที่สองบอกว่า...ถ้าไปแล้วเธอจะอยู่ได้เหรอ ไม่ได้เห็นหน้าเขา ไม่ได้ฟังเสียงเขา...

ตอนนี้ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะแยกออกเป็นสองพวกไม่สามัคคีกันเสียแล้ว เธอจะทำอย่างไรดี

ใจที่หนึ่ง ‘ทำตามฉันเถอะ แล้วเธอจะมีความสุขที่ทำตามที่ฉันบอก’

ใจที่สอง ‘เชื่อฉันเถอะนะ ได้โปรดอย่าไปเลย!!’

 

ทางด้านก้องภพที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าทีวีขนาดสิบสามนิ้ว ในจอกำลังฉายภาพของกลุ่มคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกใส่เสื้อทีมสีดำ ทีมที่สองใส่เสื้อทีมสีแดง กำลังวิ่งแย่งลูกหนังเพียงลูกเดียวที่กลิ้งไปตามแรงแตะของนักฟุตบอลบนสนามหญ้าสีเขียวสด ถ้าเวลาปกติเขาจะนั่งเชียร์อย่างเมามันส์เหมือนกับอยู่ติดขอบสนามจริง แต่ตอนนี้ฟุตบอลทีมโปรดที่กำลังแข่งขันรอบตัดเชือกไม่ได้ดึงดูดให้เขาหันไปสนใจแม้แต่น้อย ในสมองของเขาตอนนี้มีแต่ภาพเด็กสาวอ้วนๆผมหยิกๆ ที่เขาเคยล้อมาตลอดตั้งแต่จำความได้

             “รินทร์จะไปอังกฤษ แล้วเราจะคิดมากทำไมวะ บ้าจริง” เขาพูดออกมาด้วยความไม่เข้าใจตัวเองที่นึกถึงเรื่องของไอรินทร์

          ...ถ้ารินทร์ไปคงไม่มีใครทำให้เรามีความสุขได้เท่ารินทร์หรอก...

          ...ถ้ารินทร์ไม่ไปเราคงจะมีความสุขทุกวันเลย...

          ถ้าเกิดเป็นอย่างแรกละเขาจะทำอย่างไรดี ขอภาวนาให้มันเป็นอย่างที่สองเถอะ เขาคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ก้องภพคิดไปคิดมาอยู่สักพักแล้วก็คิดอะไรบางอย่าง

 

141158

ลันตนา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา