Black Diamond อัญมณีแห่งคำสาป

8.3

วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.22 น.

  3 บท
  1 วิจารณ์
  8,614 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 10.34 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) คำสาป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
            ผู้ที่ครอบครองสมบัติของซาตาน คือผู้ถือครองความเป็นอมตะ Black Diamond เพชรสีดำ อัญมณีที่มอบความเป็นนิรันดร์ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ มันคือสมบัติเพียงหนึ่งเดียวของซาตาน ใครก็ตามที่ยอมขายวิญญาณให้แก่ซาตาน เพื่อความเป็นอมตะ ก็จะได้รับ เพชรสีดำ นามว่า Black Diamond ผู้เป็นเจ้าของจะไม่มีวันรู้จักกับความตายตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้พันธสัญญานั้น ผู้ที่ล่วงรู้ถึงความลับของเพชรสีดำ ต่างก็ปรารถนาอยากจะได้มันมาครอบครอง และผู้ที่หาญกล้ายอมทำสัญญาอัปยศกับซาตานซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของพระเจ้า คือ ฮาร์ฟ ฟินเทอร์ ขุนนางเก่าแก่ผู้ครอบครองคฤหาสน์ฟินเทอร์ หลังจากทำสัญญาขายวิญญาณให้กับซาตาน เขาก็ได้พบกับความจริงที่แสนเจ็บปวด ในขณะที่ตัวเขาเป็นอมตะไม่มีวันตาย เขาได้แต่มองภรรยากับลูกๆล้มตายไปทีละคน และตอนนี้เขาก็เหลือทายาทคนสุดท้ายเพียงคนเดียว อัสลี่ ฟินเทอร์ อายุ 16 ปี ความตายของบุคคลอันเป็นที่รักทำให้เขาตระหนักว่า การทำสัญญากับซาตานผู้ชั่วร้ายอาจเป็นการลบหลู่พระเจ้า ความเป็นอมตะที่เขาคิดว่ามันคือพรจากสวรรค์ แต่มันกลับเป็นแค่คำสาป นี่คงเป็นบทลงโทษสำหรับมนุษย์ผู้โง่เขลา และตอนนี้เขาได้แต่พร่ำร้องหาความตายด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่การที่เขาจะตายอย่างสงบโดยที่ไม่ถูกซาตานดูดกลืนวิญญาณตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ มีแค่ทางเดียวคือส่งมอบความเป็นอมตะ Black Diamond ให้แก่ทายาทรุ่นต่อไป หรือไม่ก็หาบุคคลภายนอกมารับช่วงคำสาปนั้นต่อจากเขา และคนคนนั้นต้องเป็นคนที่มีจิตใจดำมืดเต็มไปด้วย ความอิจฉา ความริษยา ความโลภ และความเกลียดชัง ผู้ที่มีจิตใจชั่วร้ายครบทั้ง 4 อย่างนี้ เป็นคนที่ซาตานโปรดปราณที่สุด ถ้าหากหาได้ และส่งมอบความเป็นนิรันดร์ให้คนคนนั้น ฮาร์ฟ ฟินเทอร์ ก็จะเป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธสัญญาของความเป็นอมตะจากซาตานและตายอย่างสงบ อัสลี่รู้ถึงความจริงข้อนี้ เธอไม่อยากให้บิดาต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานอีกต่อไป จึงตัดสินใจรับช่วงสมบัติของซาตาน Black Diamond ต่อจากบิดาเพื่อให้เขาได้จากไปอย่างสงบ แต่เธอก็มิได้ปรารถนาความเป็นนิรันดร์แม้แต่น้อย เธอจึงทำทุกอย่างในการค้นหาบุคคลผู้มีความอิจฉา ริษยา โลภ และเกลียดชัง เพื่อที่จะมอบ เพชรสีดำ Black Diamond ให้คนคนนั้นและยุติความเป็นอมตะที่เธอไม่ได้อยากเป็นผู้ถือครอง
                อัสลี่ ฟินเทอร์ เจ้าของคฤหาสน์ที่สวยงาม กำลังปอกเปลือกแอฟเปิ้ลด้วยมีดที่คมกริบด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ และผ่อนคลายอยู่ในห้องครัวที่โอ่อ่าของคฤหาสน์ ทันใดนั้น เจฟฟิน พ่อบ้านของคฤหาสน์หลังนี้ก็เปิดประตูเข้ามา
                “ ขอประทานโทษครับนายหญิง คุณเฮเซล มาขอพบ ตอนนี้กำลังรอยู่ในห้องรับแขกครับ ” สิ้นเสียงนั้นคมมีดก็กรีดลงบนนิ้วของเธอเพราะความตกใจที่อยู่ๆพ่อบ้านก็เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ส่งเสียง เลือดสดๆไหลออกมาครู่หนึ่ง และทันใดนั้นรอยแผลก็กลับมาผสานกัน ทำให้รอยกรีดของมีดเมื่อครู่นี้หายไปในพริบตา
                “ อะ เอ่อ ขอประทานโทษครับ ” พ่อบ้านเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยขอโทษอย่างลนลาน แน่นอนเรื่องที่อัสลี่ ฟินเทอร์ เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ เป็นผู้ครอบครอบเพชรสีดำ Black Diamond และเป็นอมตะถูกเก็บเป็นความลับ มีผู้ล่วงรู้เพียงไม่กี่คน ปัจจุบันเธออายุ 16 ปี แต่ถ้าเธอลบล้างความเป็นอมตะ ซึ่งเธอเรียกมันว่า “ คำสาป ” ไม่ได้ เธอก็จะอายุ 16 ปี ไปชั่วนิรันดร์
              “ ไม่เป็นไรหรอก ช่วยเอาชาและขนมไปรับรองแขกด้วย ” เธอเอ่ยด้วยเสียงทรงอำนาจ พ่อบ้านก้มศีรษะรับคำก่อนจะออกไปจากห้องนั้น อัสลี่ใช้เวลาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกไปเจอกับ เฮเซล อัชเชอร์ ผู้ที่อัลลี่เรียกว่าเพื่อนได้ไม่เต็มปากนัก เพราะเธอคือคนที่เป็นพันธมิตรทางการค้าที่มาเจอกันด้วยเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า เฮเซลอายุ 20 ปี ครอบครัวของเธอ มีกิจการเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้าชื่อดัง ซึ่งพวกขุนนาง และคนในแวดวงสังคมชั้นสูงมาใช้บริการ ส่วนคฤหาสน์ฟินเทอร์มีกิจการร้านขายผ้า ซึ่งนับได้ว่าผ้าแต่ละชิ้นที่ผลิตออกมาล้วนแต่คุณภาพชั้นยอด สำหรับเฮเซล อัชเชอร์ ถือได้ว่าเป็นลูกค้าประจำที่มาใช้บริการบ่อย และแน่นอนเธอล่วงรู้ถึงความลับของอัลลี่
              “ สวัสดีค่ะคุณเฮเซล ” อัลลี่เอ่ยทัก “ วันนี้ไม่ทราบว่าจะให้คฤหาสน์ฟินเทอร์ของเรารับใช้เรื่องอะไร ” เฮเซลยิ้มรับคำทักทายนั้น ก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่เธอมาวันนี้
              “ วันนี้ฉันไม่ได้มาสั่งสินค้าหรอก ” เฮเซลเอ่ย “ ที่มาวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เธอขอร้องให้ฉันช่วยนั่นแหละ ” เฮเซลบอกก่อนจะหยิบน้ำชาตรงหน้าขึ้นมาดื่มอย่างช้าๆ กลิ่นหอมของมันทำให้เธอต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด
              “ โอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็หาเจอแล้วสินะ บุคคลผู้มีความอิจฉา  ริษยา โลภ และเกลียดชัง ” ดวงตาของอัสลี่ฉายแววเป็นประกายด้วยความหวังออกมาอย่างชัดเจน เฮเซล อัชเชอร์ หยิบรูปใบหนึ่งออกมาวางตรงหน้าอัสลี่
              “ นี่คือ ฟาร์ซาส  ชาร์ลีน เป็นพ่อค้าอัญมณี ตอนนี้ฉันเป็นลูกค้าประจำของเขาอยู่ ” เฮเซลอธิบาย “ เวลามีลูกค้ามาที่ร้าน และสั่งตัดชุดหรูๆสำหรับออกงานกลางคืน ถ้าเขาต้องการเครื่องประดับที่เข้ากับชุด ฉันก็สั่งจากฟาร์ซาสนี่แหละ ” เฮเซลบอก ในขณะที่อัสลี่ฟังด้วยความสนใจ
               “ หมายความว่าแน่ใจแล้วสินะ ว่าคนคนนี้มีทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ ” อัลลี่เอ่ยถาม ขณะหยิบรูปตรงหน้าขึ้นมาดูอย่างพิจารณา
                “ 90 เปอร์เซ็นต์ ” เฮเซลบอก “ ฉันแน่ใจว่าคนคนนี้ เมื่อได้เห็นเพชรสีดำนั่น ต้องตาลุกวาวด้วยความโลภ รวมทั้งเรื่องแก่งแย่งผลประโยชน์ทางการค้า คิดว่าคงมีคู่แข่งที่เขาทั้งอิจฉา ริษยาและเกลียดชังอยู่ไม่น้อย ” เฮเซลสาธยายคุณสมบัติของฟาร์ซาสให้อัสลี่ฟังราวกับกำลังเสนอสินค้าที่เธอต้องการขาย
              “ ถ้าฉันอยากเจอเขาล่ะ ” อัสลี่ถาม
              “ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาไว้ใจฉันเถอะ ” เฮเซลยิ้มอย่างมั่นใจ” รับรองว่าคุณอัสลี่ แห่งคฤหาสน์ฟินเทอร์ต้องได้เจอกับเขาตามต้องการในไม่ช้านี้ ” หลังจากนั้นบทสนทนาของทั้งคู่ก็เป็นไปอย่างง่ายๆด้วยเรื่องดินฟ้าอากาศ และเรื่องทั่วไป ก่อนที่เฮเซล อัชเชอร์ จะขอตัวแยกย้ายกลับไป
              “ หึ หึ แน่ใจแล้วรึ ว่าคนคนนั้นคือคำตอบที่ถูกต้อง ” เสียงเอ่ยถามดังขึ้นพร้อมกับการหัวเราะอย่างเหยียดหยันเมื่ออัสลี่หันไปก็เจอกับเจ้าของเสียงเย้ยหยันนั้น
                คีช ซาตานผู้มีผมสีดำสนิท รูปร่างผอมบาง เขาเป็นทายาทของซาตานผู้ที่ทำสัญญากับพ่อของอัสลี่ ซึ่งก็คือ ฮาร์ฟ ฟินเทอร์ คีช เป็นผู้รับช่วงต่อสัญญานั้นจากพ่อของเขา เช่นเดียวกับอัสลี่ ที่รับช่วงต่อคำสาปนั้นจากพ่อของเธอ อัลลี่มองซาตานตนนั้น ซึ่งปรากฏตัวนั่งกอดอกอยู่ริมขอบหน้าต่าง รอยยิ้มและแววตาที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า แน่นอนว่าถ้าอัสลี่ทำไม่สำเร็จ การจะลบล้างความเป็นอมตะ มีแค่วิธีเดียว คือเธอต้องมอบดวงวิญญาณให้กับซาตานตนนี้ เพื่อจะได้พบกับหนทางสู่ความตาย แต่ดวงวิญญาณของเธอก็จะถูกจองจำโดยซาตานตลอดไป
               “ ฮึ เรื่องนั้นเอาไว้ให้ฉันได้เจอกับเขาก่อนเถอะ ไปให้พ้นนะ ” อัสลี่เอ่ยปากไล่แบบไม่เกรงใจ คีช คอยป่วนและขัดขวาง ไม่ให้เธอหาผู้ที่จะมารับช่วงต่อคำสาปนั้นได้สำเร็จ เหตุผลน่ะหรือ เขาเคยบอกว่าที่ทำอย่างนั้น เพราะ ข้าปรารถนาอยากจะได้ดวงวิญาณที่ชวนพิสมัยของเจ้ามาครอบครองน่ะสิ เขาว่าอย่างนั้น คีชค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาอัสลี่อย่างช้าๆ ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเธอ เขาเอื้อมมือขึ้นจับคางของเธอและมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
               “ งั้นเรามาพนันกันมั้ยล่ะ ” คีชเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ ข้าว่าครั้งนี้เจ้าทำไม่สำเร็จหรอก ” ทั้งคำพูดและแววตาที่มองมาอย่างท้าทายนั้น ทำให้อัสลี่ ฟินเทอร์เริ่มโกรธ เธอมักจะถูกปั่นหัวกับแววตาและคำพูดที่ยั่วยุของคีชอยู่เสมอ
                “ แล้วถ้าสำเร็จล่ะ ถ้าคนคนนั้นคือคำตอบที่ถูกต้อง เธอจะให้อะไรฉันเป็นสิ่งตอบแทนสินะ ” อัสลี่เอ่ยถามขณะที่ปัดมือนั้นออกไปด้วยความไม่พอใจ
                “ ก็ได้ ถ้าเจ้าทำสำเร็จนอกจากจะเป็นอิสระ ข้าจะยอมเป็นทาสรับใช้เจ้าไปตลอดชีวิต ดีมั้ยล่ะ ” คีชยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาแน่ใจว่าอัสลี่ไม่มีวันทำสำเร็จ เธอจะต้องอยู่กับความเป็นอมตะนี้ไปชั่วนิรันดร์
               “ ฉันรับคำท้า ” น้ำเสียงที่ประกาศออกมานั้นปราศจากความลังเลโดยสิ้นเชิง ความเป็นอมตะที่เธอไม่ได้อยากเป็นผู้ถือครอง เธอจะต้องทำลายมันให้ได้ อัสลี่ประสานสายตากับคีชอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วเรามาดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา